“ร้อยไหมก้างปลา” ทางเลือกกระชับใบหน้าที่ไม่ต้องเจ็บตัว

เคยไหม? อยากมีใบหน้าเรียวสวยตามเทรนด์ทั้งแบบสาวเกาหลีที่มี V-Line ชัดเจน และแบบสาวสายฝอ. ที่มีกรอบหน้าชัด แต่พอถามตัวเองก็ไม่อยากผ่าตัดเอากล้ามเนื้อส่วนเกินออก หรือไม่อยากทำศัลยกรรมใด ๆ ที่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ซึ่งถ้าหากหนุ่มสาวคนไหนกำลังรู้สึกเช่นนี้อยู่ กังนัมคลินิกจะขอมานำเสนอวิธีกระชับใบหน้าแบบไม่เจ็บตัวอย่าง “การร้อยไหมก้างปลา” กัน แล้วไหมก้างปลาคืออะไร ช่วยทำให้หน้าเรียวได้จริงไหม มีข้อควรระวังอะไรบ้าง มาหาคำตอบพร้อมกังนัมคลินิกได้เลย!

ร้อยไหมก้างปลาคืออะไร ?

การร้อยไหมก้างปลา คือ เทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เส้นไหมมาร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังในบริเวณที่ต้องการ โดยไหมจะมีด้วยกันหลากหลายประเภท ซึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมและมีความทนทานสูงสุด คือ การร้อยไหมก้างปลา เพราะ ไหมก้างปลานั้นจะมีลักษณะเป็นเส้นตรงที่มาพร้อมกับเงี่ยงที่โผล่ออกมาด้านข้างเหมือนก้างปลา ซึ่งเงี่ยงในส่วนนี้จะช่วยดึงเนื้อเยื่อใต้ผิวให้ขึ้นมาพร้อมกับการดึง

การร้อยไหมก้างปลาทำงานอย่างไร

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การร้อยไหมก้างปลานั้นเป็นการทำให้เงี่ยงที่อยู่บนไหมช่วยดึงเนื้อเยื่อขึ้นมา ซึ่งการทำงานของไหมใต้ผิวหนังนั้น ตัวไหมจะทำการเกี่ยวและพยุงเนื้อเยื่อไว้ ซึ่งแน่นอนว่าภายใต้ผิวหนังนั้นจะเกิดแผลเล็ก ๆ ขึ้นมา แต่เมื่อเกิดแผลขึ้นมานั้น ร่างกายของเราก็จะทำการกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ใต้ผิว ไปพร้อม ๆ กับสร้างคอลลาเจนรอบ ๆ เส้นไหม และเมื่อเวลาผ่านไป คอลลาเจนเหล่านี้ก็จะขึ้นไปตามทิศทางการร้อยไหมก้างปลาที่แพทย์ได้ทำการร้อยไว้ และสุดท้าย ผิวก็จะดูยกกระชับ และเห็นกรอบหน้า รวมถึง V-Line ชัดเจนได้โดยไม่ต้องผ่าตัดนั่นเอง

เลือกอ่านหัวข้อการร้อยไหมก้างปลา

ขั้นตอนการร้อยไหมก้างปลา

ถึงการร้อยไหมก้างปลาจะมีราคาที่แตกต่างกันไปตามคลินิก ราคาไหม และการบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่หากพูดถึงขั้นตอนการร้อยไหมนั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว คลินิกต่าง ๆ จะให้การบริการด้วยขั้นตอนดังนี้

  1. ปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว และความเป็นไปได้ในการร้อยไหมก้างปลา
  2. หากทำการตกลงความต้องการเป็นที่เรียบร้อย แพทย์จะเริ่มจากการทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำการรักษา
  3. แพทย์จะทายาชา หรือ ฉีดยาชาในบริเวณที่ต้องการร้อยไหมก้างปลาประมาณ 45-60 นาที
  4. แพทย์จะเริ่มทำการนำเส้นไหมตรงช่วงปลายเข็มเข้าไปยึดไว้ตามเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังให้ทั่วบริเวณ จากนั้นจะเป็นการร้อยเส้นไหมเข้าไปบริเวณใต้ผิวหนัง โดยจะร้อยเข้าไปถึงชั้นผิวหนังแท้ แต่ไม่ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ โดยจะใช้เวลาในการร้อยไหมทั้งหมดประมาณ 30-60 นาทีขึ้นอยู่สภาพผิว และความต้องการของผู้เข้ารับบริการ
  5. หลังการร้อยไหม คนไข้จะรู้สึกตึงบริเวณผิวบ้าง และมีรอยแดงจากการร้อยไหม แต่เป็นรอยแดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากร้อยไหมไม่นานรอยเหล่านี้ก็จะหายไป และจะเริ่มเห็นผลเต็มที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์+

ควรร้อยไหมก้างปลากี่เส้น?

การรักษาในแต่ละเคสและการพิจารณาว่าควรร้อยไหมก้างปลากี่เส้นนั้น แพทย์จะทำการประเมินผิว และพิจารณาจากความต้องการของผู้เข้ารับบริการเป็นหลัก อีกทั้งยังดูถึงรูปกรอบหน้า บริเวณที่จะทำ ความแน่นอนของผิว จุดที่ต้องการเน้น และข้อจำกัดอื่น ๆ อย่างการแพ้และความบอบบางของผิวหนัง เป็นต้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว แพทย์จะใช้ไหมก้างปลาข้างละ 3 – 10 เส้น ด้วยเหตุนี้ การร้อยไหมก้างปลาจึงมีราคาที่แตกต่างกันด้วยนั่นเอง

ร้อยไหมก้างปลามีผลข้างเคียงอะไรไหม?

หลายคนอาจสงสัยว่า การร้อยไหมก้างปลาจะบวมกี่วัน โดยกังนัมคลินิกขอให้คำตอบว่า หลังการร้อยไหมก้างปลาช่วงแรก ๆ ผู้เข้ารับบริการอาจมีอาการบวมแดง หรือ เขียวช้ำในช่วง 3 – 4 วันแรก ผลข้างเคียงนี้จะค่อย ๆ หายและจางลงไปภายใน 14 วัน และจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าได้ชัดเจนที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน

แต่หากใครที่ร้อยไหมก้างปลามาแล้ว 4 วัน แต่ยังพบอาการบวมแดง หรือพบอาการอักเสบเพิ่มขึ้น กังนัมคลินิกขอแนะนำให้รีบกลับมาปรึกษาและพบแพทย์เพื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะในบางครั้ง การร้อยไหมก้างปลาก็อาจมีผลข้างเคียงจากภาวะแทรกซ้อนได้ แต่จะมีโอกาสที่พบได้เพียง 15% – 20% เท่านั้น โดยอาการผิดปกติส่วนใหญ่ที่พบได้จะมี

  • เกิดการอักเสบด้วยการร้อยไหมลงไปยังชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดอาการอักเสบบริเวณที่ร้อยไหมได้
  • อาจเกิดรอยย่นบนผิวหน้าหลังทำ แต่อาการนี้จะหายเองได้เมื่อเวลาผ่านไป 2 – 3 วัน
  • หากเลือกใช้ไหมแบบมีเงี่ยง อาจจะมีรอยแดงจากการสอดไหมไว้บนผิวได้ แต่ก็จะหายไปเองเช่นกัน
  • ใบหน้าไม่เท่ากัน ส่วนมากมักจะเกิดจากการที่คนไข้มีใบหน้าที่ไม่สมมาตรกันอยู่แล้ว ซึ่งปัญหานี้จะแก้ไขได้ด้วยการให้คนไข้ถือกระจกไปด้วยระหว่างการทำการร้อยไหมก้างปลา
  • ภาวะติดเชื้อ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะก่อนร้อยไหมก้างปลา แพทย์จะมีการทำความสะอาดผิวและมีกระบวนการฆ่าเชื้อก่อนลงมือทำการรักษาอยู่เสมอ
  • เกิดการอักเสบด้วยการร้อยไหมลงไปยังชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดอาการอักเสบบริเวณที่ร้อยไหมได้

ร้อยไหมก้างปลาอยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยส่วนใหญ่แล้ว ชนิดของไหมที่นำมาร้อยจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของราคา และความยาวนานของผลลัพธ์ที่ได้ แต่หลัก ๆ แล้ว การร้อยไหมก้างปลาจะใช้ไหมด้วย 3 ชนิด คือ

  • ไหม PDO
    • ละลายหมดใน 6 เดือน
    • ทำมาจากไหมทางการแพทย์ มีประสิทธิภาพในการเย็บเส้นเลือดหัวใจ
  • ไหม PLLA
    • ละลายหมดใน 18 เดือน
    • เป็นไหมรุ่นแรก ๆ ในการร้อยไหมก้างปลา และมีความแข็งมาก อาจได้ยินเสียง หรือสัมผัสไหมบนใบหน้าได้
  • ไหม PCL
    • ละลายหมดใน 24 เดือน
    • เป็นไหมเส้นเล็ก มีความยืดหยุ่นสูง เป็นไหมที่พัฒนามาจากไหม PLLA อีกที จึงทำให้มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพสูงสุด

จะเห็นได้ว่า การร้อยไหมก้างปลาจะมีข้อเสียที่แตกต่างกันตามประเภทของเส้นไหม และจะมีข้อเสียตรงที่เงี่ยงก้างปลาอาจขาดได้ ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่นานที่สุด นอกจากจะเลือกไหมที่เหมาะกับตัวเองแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ คือ การดูแลสุขภาพและการดูแลไหมของแต่ละบุคคล

ด้วยเหตุนี้ การที่เส้นไหม PCL และ PLLA อยู่ได้นาน 18-24 เดือนไม่ได้แปลว่าผิวจะถูกพยุงนานเท่าการละลายของไหมเนื่องจากเงี่ยงในการร้อยไหมก้างปลาอาจขาดได้ ซึ่งสามารถแก้ด้วยการร้อยไหมเพิ่มเข้าไปในแนวเดิม

ร้อยไหมก้างปลาที่ไหนดี

หากใครไม่รู้ว่าจะร้อยไหมก้างปลาที่ไหนดี หรือจะเลือกร้อยไหมก้างปลาดีไหม สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้ทุกคนเข้าใจ คือ การร้อยไหมก้างปลานั้นเป็นเทคนิคการรักษาพิเศษที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการทำเท่านั้น ดังนั้น ควรเลือกมองหาคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา รวมถึงลงมือปฏิบัติเองทุกครั้ง เพราะ หากไม่พิจารณาให้ดี การร้อยไหมอาจไม่เห็นผล มิหนำซ้ำอาจเกิดภาวะหน้าเบี้ยวได้ง่าย ๆ เช่นกัน

นอกจากรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงแล้ว ทุกคนควรเลือกพิจารณาจากประวัติแพทย์ รวมไปถึงความสะอาดและความน่าเชื่อถือของคลินิก โดยหากใครกำลังมองหาคลินิกร้อยไหมก้างปลาดี ๆ ที่จะช่วยให้คำปรึกษาทุกรายละเอียดของการร้อยไหม สามารถติดต่อเรามาได้ที่กังนัมคลินิก เพราะ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมก้างปลาที่แท้จริงที่ใช้นวัตกรรมนำเข้าจากประเทศเกาหลีในการดูแล ปรึกษาก่อนใครวันนี้ที่