ช่วงนี้ออนนี่เชื่อว่ามีสาว ๆ หลายคนที่กำลังหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น เพื่อเป็นการเติมเต็มความสุข สร้างความมั่นใจ ไม่ว่าจะส่องกระจกเมื่อไหร่ก็รู้สึกดี แถมยังเป็นการให้รางวัลตัวเองสำหรับการทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งปีอีกด้วย ซึ่งถ้าหากใครที่กำลังจะไปฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเพื่อปรับรูปหน้า หรือฉีดเพื่อเสริมบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าให้ดูสวยเป๊ะมากขึ้น อยากจะให้ทุกคนแวะอ่านบทความนี้กันก่อน เพราะวันนี้ออนนี่มีทั้งวิธีเตรียมตัวก่อนไปฉีดและข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์มาแนะนำกัน เพื่อให้สาว ๆ ได้เตรียมความพร้อมทั้งก่อนฉีดและดูแลตัวเองหลังฉีดได้อย่างทุกวิธี จะได้คงผลลัพธ์ดี ๆ ได้นานขึ้น
ดังนั้นใครที่เคยมีคำถามเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง หรือแม้แต่คำถามที่สายปาร์ตี้หลายคนคาใจว่าฉีดฟิลเลอร์กินเหล้าได้ไหม ออนนี่จะมาช่วยคลายข้อสงสัยให้กับทุกคนเอง
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรเตรียมตัวอย่างไร
1. งดรับประทานยาแอสไพริน, วิตามิน และอาหารเสริม
สาว ๆ ที่รับประทานยาแอสไพริน หรือยาที่มีคุณสมบัติบรรเทาอาการปวดอย่างเช่นยา Ibuprofen หรือรับประทานวิตามินและอาหารเสริมที่สกัดจากน้ำมันปลา วิตามินอี โสม กระเทียมและใบแปะก๊วยอยู่เป็นประจำ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรงดรับประทานยาเหล่านั้นเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
2. งดครีมบำรุงชนิดผลัดเซลล์ผิว
ควรงดการใช้ครีมบำรุงที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเป็นเวลา 3 วันก่อนการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหลังจากการฉีด
3. งดการแว็กซ์หรือโกนขนบริเวณที่จะทำการฉีด
เพราะการแว็กซ์หรือการกำจัดขนจะทำให้ผิวบริเวณนั้นบอบบางลง เมื่อฉีดฟิลเลอร์แล้วอาจมีอาการระคายเคืองและบวมช้ำมากกว่าปกติ จึงควรหลีกเลี่ยงการกำจัดขนเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วันเช่นเดียวกัน
4. หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่รับประทานเป็นประจำควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า
หากใครที่มีโรคประจำตัวหรือมีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาตัวใดอยู่เป็นประจำ ออนนี่ขอแนะนำให้แจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนเข้ารับการฉีดเพื่อความปลอดภัย
5. งดดื่มแอลกอฮอลล์
สำหรับใครที่เป็นสายปาร์ตี้ ต้องงดดื่มแอลกอฮอลล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ เพราะการดื่มแอลกอฮอลล์จะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น อาจส่งผลให้เกิดอาการเลือดไหลไม่หยุดและทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง?
หลังจากเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์แล้ว สาว ๆ ควรงดอาหารหมักดอง งดดื่มแอลกอฮอลล์ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และยังควรงดรับประทานอาหารเสริมและยาบางชนิดเป็นเวลาต่อเนื่องไปอีก 1 สัปดาห์ เพราะอาหารและยาทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้บริเวณที่ฉีดเกิดการบวม อักเสบ และแผลหายช้าลงกว่าเดิม และยังอาจทำให้ติดเชื้อได้อีกด้วย แต่สำหรับสาว ๆ ที่กังวลว่าจะมีอาการปวดหลังฉีด สามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมได้ว่ายาพาราเซตามอลตัวใดที่รับประทานได้บ้างเพื่อช่วยลดอาการปวด
ส่วนอาหารที่ควรรับประทานหลังการฉีดฟิลเลอร์ก็คืออาหารในกลุ่มวิตามินซีและวิตามินเออย่างผักและผลไม้รสเปรี้ยว เช่นส้ม สัปปะรด แครอท ฟักทอง คะน้า เพราะเป็นอาหารที่มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาบาดแผล ลดอาการบวม ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลังฉีดควรหมั่นประคบเย็นอย่างเบามือเพื่อลดอาการบวมช้ำ
- ควรดื่มน้ำในปริมาณมากเป็นประจำทุกวัน เพราะสารไฮยาลูรอนที่นำมาใช้ฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นสารที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ การเติมน้ำให้กับร่างกายบ่อย ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดนั้นสวย ฟู และเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
- ไม่สัมผัสบริเวณที่ฉีดด้วยความรุนแรงเพื่อป้องกันการอักเสบ ควรงดการสครับใบหน้าและการนวดหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่
- ไม่ควรออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 2 วัน
- สามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุง และแต่งหน้าได้ตามปกติหลังครบ 48 ชั่วโมงเป็นต้นไป
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว จะมีอาการบวมเป็นเวลา 1 – 2 สัปดาห์ แล้วจึงจะค่อย ๆ ยุบลงและเห็นผลลัพธ์จากการฉีดได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นสาว ๆ จึงควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด และหากใครที่รู้สึกว่าอาการบวมนั้นผิดปกติหรือรู้สึกปวดบริเวณที่ฉีด ควรเข้าพบแพทย์ทันที
ทั้งหมดนี้ก็คือข้อปฏิบัติทั้งก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ออนนี่นำมาแบ่งปัน ด้วยความห่วงใยที่อยากจะให้สาว ๆ ทุกคนดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี เพื่อให้ฟิลเลอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คงความสวยเป๊ะบนใบหน้าของเราได้นานยิ่งขึ้น
และหากใครที่พร้อมสำหรับการฉีดแล้วก็สามารถเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ที่กังนัมคลินิกได้เลย เพราะที่กังนัมคลินิก เราคือคลินิกเสริมความงามมาตรฐานเดียวกับประเทศเกาหลี ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการเสริมความงามมามากกว่า 15 ปี ให้บริการปรับรูปหน้าและแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าด้วยฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจากอย. สามารถติดต่อนัดหมายหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ โทรศัพท์ 090-665-3616 และ 098-269-7450 หรือ Email: gangnamclinicthailand@gmail.com รวมถึงช่องทาง Line Official: @gangnamclinic (อย่าลืมใส่เครื่องหมาย @ ด้วยนะคะ)