เลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีถึงปลอดภัยและเห็นผลได้จริง

คุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่ควรรู้ - กังนัมคลินิก

เมื่อพูดถึงการฉีดฟิลเลอร์ให้เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ แน่นอนว่าไม่เพียงแต่จะต้องเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อมก่อนฉีด และดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์หลังฉีดฟิลเลอร์อย่างเคร่งครัดเท่านั้น แต่การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์เองก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ปลอดภัย และยาวนานมากพอที่จะไม่ต้องเสียเงินทำบ่อย ๆ ซึ่งหากใครยังไม่รู้ว่าจะต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี หรือไม่แน่ใจว่าจะต้องเลือกฟิลเลอร์อย่างไรให้ตรงกับความต้องการ และเข้ากับข้อจำกัดทางร่างกายของตัวเองมากที่สุด หากใครกำลังสงสัยเหมือนกันอยู่ วันนี้ออนนี่มีคำตอบ!

รู้จักคุณสมบัติของฟิลเลอร์กันก่อน

หลายคนอาจมองว่า ถึงฟิลเลอร์จะมีทั้งแบบชั่วคราว และแบบถาวร แต่องค์ประกอบหลักของฟิลเลอร์ก็ยังคงเป็นกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) อยู่ดี ดังนั้น เพื่อให้ได้การรักษาที่คุ้มค่าและประหยัดงบประมาณมากที่สุด หลายคนจึงเลือกฉีดฟิลเลอร์โดยพิจารณาจากราคาและค่าบริการของคลินิกแทนการพิจารณาถึงคุณสมบัติเฉพาะของฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้น ๆ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันนั้นไม่เพียงแต่จะให้ผลลัพธ์หลังการฉีดที่ต่างกันเท่านั้น แต่ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อยังมาพร้อมเทคโนโลยี ตลอดจนคุณสมบัติพิเศษที่ใช้รักษาแต่ละจุดได้แตกต่างกัน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ หากเป็นฟิลเลอร์คนละยี่ห้อก็จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน หรือต่อให้เป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียวกัน หากนำไปฉีดในจุดที่แตกต่างกันก็จะให้ผลลัพธ์แตกต่างกันด้วย

ออนนี่ขอบอกเลยว่า ผลลัพธ์ที่ได้จากฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อนั้นจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติหลักที่ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อชูโรงให้เป็นพระเอกของแต่ละรุ่นนั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คุณสมบัติหลักของฟิลเลอร์จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อหลัก ๆ ซึ่งจะประกอบไปด้วย

 

1. การกระจายตัวของฟิลเลอร์

การกระจายตัว หรือ Tissue Integration คือ คุณสมบัติที่บอกถึงความสามารถของฟิลเลอร์ในการสมานและกระจายตัวให้เข้ากับผิวรอบ ๆ บริเวณที่ฉีด โดยคุณสมบัตินี้จะใช้พิจารณาเพื่อดูว่าผิวแบบไหนควรเลือกฉีดฟิลเลอร์แบบใดเพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนนั่นเอง

เมื่อเป็นแบบนี้ หลายคนคงอาจสงสัยว่าแล้วคุณสมบัตินี้แตกต่างกันกับคุณสมบัติอุ้มน้ำ หรือ Water Holding อย่างไร โดยออนนี่ขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า คุณสมบัตินี้จะแตกต่างจากคุณสมบัติอุ้มน้ำ หรือ Water Holding ตรงที่การกระจายตัวของฟิลเลอร์ หรือ Tissue Integration จะพิจารณาที่ความเข้ากันของเนื้อเยื่อผิวภายในกับตัวฟิลเลอร์ แต่ค่าความอุ้มน้ำจะเป็นคุณสมบัติเฉพาะของฟิลเลอร์บางยี่ห้อที่หากเราดื่มน้ำมาก ๆ หลังฉีด ฟิลเลอร์ก็จะฟูขึ้นมากกว่ายี่ห้อที่ไม่มีคุณสมบัติการอุ้มน้ำนั่นเอง ซึ่งคุณสมบัติการอุ้มน้ำนี้จะพิจารณาเฉพาะในผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ที่ต้องการความฟู เช่น แก้ม ร่องแก้ม ขมับ และหน้าผาก 

 

2. ความแข็งและยืดหยุ่นของฟิลเลอร์

ค่าความความแข็งของฟิลเลอร์ คือ คุณสมบัติที่ใช้วัดความทนทานของฟิลเลอร์ที่มีต่อแรงกดดันแนวตั้ง แต่หากเป็นค่าความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์จะเป็นคุณสมบัติที่วัดความทนทานของฟิลเลอร์ต่อแรงกดและบิดแนวนอนแทน โดยส่วนใหญ่แล้ว ทั้ง 2 ค่านี้จะเป็นตัวกำหนดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้

หากใครต้องฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับเปลี่ยนโครงหน้า หรือกระดูกอย่างการฉีดฟิลเลอร์คางหรือฟิลเลอร์จมูก ก็ควรเลือกยี่ห้อที่มีค่าความแข็งสูง แต่หากใครต้องการฉีดฟิลเลอร์เพื่อกระชับบริเวณที่ต้องการความยืดหยุ่น หรือขยับบ่อย ๆ อย่างร่องแก้ม แก้ม ปาก มุมปาก หรือแม้แต่หน้าผากก็ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูงนั่นเอง ซึ่งก่อนตัดสินใจว่าจะฉีดฟิลเลอร์ อย่าลืมพิจารณาถึงค่าความแข็ง หรือ Elasticity และค่าความยืดหยุ่น หรือ Plasticity หรือบางยี่อาจเขียนว่า Cohesiveness ด้วยนะ

 

3. ขนาดของเม็ดฟิลเลอร์

ไม่เพียงแต่การกระจายตัว ค่าความแข็ง และค่าความยืดหยุ่นเท่านั้น แต่การเลือกฟิลเลอร์เองยังต้องพิจารณาถึงขนาดของเม็ดฟิลเลอร์ประกอบด้วย โดยขนาดเม็ดฟิลเลอร์ หรือที่ข้างกล่องมักเขียนว่า Paritcle Size นั้นจะเป็นคุณสมบัติที่บอกถึงขนาดของเม็ดฟิลเลอร์นั่นเอง ซึ่งขนาดของฟิลเลอร์นี้จะแปรผันตรงกับค่าความแข็ง และแปรผกผันกับการกระจายตัว และค่าความยืดหยุ่น

หากนึกภาพไม่ออก ออนนี่ขออธิบายง่าย ๆ ว่า หากเป็นฟิลเลอร์เม็ดขนาดใหญ่ ค่าความแข็งตัวก็จะสูง ค่าการกระจายตัวก็จะยิ่งต่ำ ทำให้ฟิลเลอร์สามารถอยู่ในร่างกายของเราได้นานขึ้น แต่หากเป็นฟิลเลอร์เม็ดเล็ก ก็จะมีค่าความแข็งตัวต่ำ แต่ค่าความยืดหยุ่นจะสูง รวมถึงค่าการกระจายตัวก็จะสูงด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ยี่ห้อที่มีเม็ดฟิลเลอร์ขนาดเล็กก็จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ได้นานเท่าฟิลเลอร์เม็ดขนาดใหญ่ อีกทั้งหากดูแลรักษาไม่ดียังมีโอกาสสลายตัวไวมากขึ้นอีกด้วย

ควรเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี - กังนัมคลินิก

ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

จะเห็นได้ว่ายี่ห้อที่แตกต่างกันนั้นจะมีคุณสมบัติหลักที่เหมาะกับการรักษาแต่ละจุด ตลอดจนให้ผลลัพธ์ในการฉีดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ดี การเลือกฟิลเลอร์โดยพิจารณาถึงคุณสมบัติหลักเพียงอย่างเดียวอาจสร้างความสับสนได้ อีกทั้งหากไม่มีความเชี่ยวชาญมากเพียงพอก็อาจเลือกฟิลเลอร์ได้ไม่ตรงกับความต้องการอีกด้วย 

ดังนั้น เพื่อช่วยตอบโจทย์ให้ทุกคนได้เลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะกับตัวเองมากยิ่งขึ้น ออนนี่อยากขอพาทุกคนไปรู้จักยี่ห้อจากแต่ละประเทศ พร้อมพาไปรู้จักกับข้อดี และข้อควรระวังของฟิลเลอร์จากแต่ละประเทศกันด้วย


ฟิลเลอร์จากอเมริกา

หากใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะฉีดยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์จากอเมริกาอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการ เพราะไม่เพียงแต่จะมีเนื้อฟิลเลอร์ที่หยืดหยุ่น และเหมาะต่อทุกจุดที่ต้องการรักษาเท่านั้น แต่สหรัฐอเมริกายังถือเป็นผู้ผลิตฟิลเลอร์เจ้าแรก ๆ ของโลก ดังนั้น จึงมั่นใจได้ในเทคโนโลยี และความปลอดภัย

ในปัจจุบันนี้ ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น คือยี่ห้อ Juvederm จากบริษัท Allergan โดยยี่ห้อนี้จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Hylacross ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของฟิลเลอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด  แต่อย่างไรก็ดี ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกามักจะมีราคาที่สูง อีกทั้งหากไม่เลือกคลินิกฉีดที่ได้มาตรฐานก็อาจเจอฟิลเลอร์ปลอมได้


ฟิลเลอร์จากเกาหลี

ไม่เพียงแต่ฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า 8 – 10 เดือนเทียบเท่ากับฟิลเลอร์จากอเมริกาแล้ว ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลียังมีราคาที่คุ้มค่า และมีหลายสูตรให้เลือกตามความต้องการมากกว่าอีกด้วย

ในขณะนี้ ยี่ห้อจากเกาหลีที่ผ่านการรับรองจากอย. แล้วนั้นจะประกอบไปด้วย 2 ยี่ห้อ คือ Neuramis จากบริษัท Medyglobal ที่ได้รับการรับรองจาก FDA หรืออย. ของอเมริกา และอีกหนึ่งยี่ห้อก็คือ YVOIRE จากบริษัท LG Chem ซึ่งเป็นบริษัทเคมีที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ อีกทั้งยังผ่านการรับรองจากประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปอีกด้วย ซึ่งทั้ง 2 ยี่ห้อนี้จะมาพร้อมกับไฮยาลูรอนิกคุณภาพสูง และมีคุณสมบัติการกระจายตัวที่ดี ไม่เป็นก้อน แต่ก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน และเป็นธรรมชาติมากที่สุด


ฟิลเลอร์จากสวีเดน

ฟิลเลอร์จากสวีเดนนั้นได้รับความนิยมไม่แพ้ฟิลเลอร์จากอเมริกาหรือเกาหลี แถมยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ในราคาที่ไม่สูงมากอีกด้วย

ฟิลเลอร์จากสวีเดนอย่าง Restylane จากบริษัท Galderma เป็นเพียงยี่ห้อฟิลเลอร์เดียวที่ผ่านการรับรองจากอย. ไทย และสามารถใช้รักษาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในขณะนี้ Restylane ได้มีฟิลเลอร์ออกมาทั้งหมด 7 รุ่นด้วยกัน ประกอบไปด้วย Refyne, Volyme, Vital, Vital li, Defyne, Lidocaine และ Lyft ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละตัวนั้นสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างครบถ้วน และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตลาดฟิลเลอร์ขณะนี้ อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์นานกว่า 12 – 15 เดือนอีกด้วย แต่เช่นเดียวกับฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกา ผู้ฉีดจะต้องเลือกคลินิกให้ดีก่อนฉีดทุกครั้ง เพราะปัจจุบันนี้ Restylane เป็นยี่ห้อที่มีของปลอมเยอะที่สุดในตลาดเช่นกัน


ฟิลเลอร์จากประเทศอื่น ๆ

​​ ในขณะนี้ อย. ของประเทศไทยยังให้การรับรองจากฟิลเลอร์อีกหลาย ๆ ประเทศ อาทิ Revanesse จากแคนาดา Perfectha จากฝรั่งเศส และ Belotero จากสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งฟิลเลอร์จากทุกประเทศที่กล่าวไปนั้นได้รับการรับรองมาตรฐานจากทั้งสหรัฐอเมริกา ไทย และยุโรป ดังนั้น จึงสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการเช่นเดียวกัน

ออนนี่หวังว่าความรู้ที่นำมาฝากนี้จะช่วยให้ทุกคนพิจารณา และตัดสินใจได้ว่าควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงความต้องการในราคาที่ต้องการ แต่หากใครยังไม่รู้ว่าจะเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์อย่างไรให้เหมาะกับความต้องการตัวเอง ที่กังนัมคลินิก ออนนี่และคุณหมอผู้เชี่ยวชาญก็พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลทุกความต้องการด้วยฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ มั่นใจได้ในความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ต้องการ สามารถติดต่อใช้บริการ สอบถามกับคุณหมอโดยตรง พร้อมรับโปรโมชันพิเศษก่อนใครได้ที่ Line : @gangnamclinic (มี @ ด้วยนะ) 

 

Leave a Reply