สิวมีกี่ประเภท รักษาได้ไว เพิ่มมั่นใจได้ก่อน

สิวมีกี่ประเภท

“สิวขึ้นอีกแล้ว!” ปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจออยู่บ่อย ๆ จนส่งผลทำให้เกิดความไม่มั่นใจ แต่ถึงแม้ว่าสิวจะสามารถหายได้เอง แต่ถ้าเพื่อน ๆ ดูแลไม่ถูกวิธีก็อาจจะทำให้เกิดรอยแผล หรือทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียนได้ แต่ก่อนที่จะไปรู้จักกับวิธีการรักษาสิวเจ้ากรรมให้หายไป ออนนี่ขอพาทุกคนไปดูกันก่อนว่า สิวมีกี่ประเภท? และในแต่ละประเภทมีลักษณะอย่างไรบ้าง? จะได้หาทางป้องกันและรักษากันอย่างถูกต้อง

สิวมีกี่ประเภท?

1. สิวหัวดำ (Blackheads)

สิวชนิดนี้ มักจะนิยมเรียกว่าสิวอุดหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด โดยจะมีลักษณะเป็นตุ้มนูน ที่มีรูเปิดตรงกลางแบบที่สามารถมองเห็นจุดข้างในสีดำได้ชัด โดยสิวหัวดำนี้เกิดจากน้ำมัน (Sebum) ที่ทำปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ กับออกซิเจนในอากาศ เมื่อรวมตัวจึงเปลี่ยนจากไขมันจนเป็นสีดำ

2. สิวหัวขาว (Whiteheads)

สิวหัวขาว หรือสิวอุดตันหัวปิด มีลักษณะเป็นตุ่มนูนใส หากเอามือไปโดนแล้วจะรู้สึกว่าเหมือนมีก้อนเล็ก ๆ ที่บีบออกได้ยาก เนื่องจากมีหัวสิวที่ลึก หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจจะก่อให้เกิดการอักเสบ หรือหัวสิวขยายตัวมีขนาดใหญ่มากขึ้นได้ด้วย

3. สิวเสี้ยน/สิวอุดตัน (Comedone)

สิวเสี้ยน หรือสิวอุตัน เกิดจากความผิดปกติของรูขุมขนบนใบหน้า ที่มีการสะสมของชั้นขี้ไคล และขนอ่อนในรูขุมขน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาจพบเส้นขนได้ตั้งแต่ 5 เส้น ไปจนถึง 50 เส้น ในหลายบริเวณที่มีรูขุมขนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณจมูก คาง ผิวระหว่างคิ้ว แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา เป็นต้น

4. สิวอักเสบแดงเป็นก้อน (Nodular Acne)

หากหนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนเคยรู้สึกว่าเป็นสิวแล้วเจ็บ ๆ ออนนี่ขอบอกเลยว่า นั่นคือลักษณะของสิวอักเสบแดงเป็นก้อน โดยมีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ เมื่อสัมผัสจะรู้ว่าเจ็บ เนื่องจากมีแบคทีเรียและน้ำมันอยู่ภายใน ซึ่งอาจจะทำให้สิวแตกกระจายได้ ออนนี่ขอแนะนำให้คุณรีบหาวิธีรักษา เพราะถ้าหากปล่อยไว้นาน อาจทำให้ผิวอักเสบ และกลายเป็นแผลเป็นได้

5. สิวตุ่มนูนแดง (Papule)

มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง ขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 ซม. ซึ่งอาจจะไม่ค่อยมีอาการเจ็บสักเท่าไร​ แถมสิวประเภทนี้ยังสามารถรักษาให้หายง่ายกว่าสิวประเภทอื่น ๆ อีกด้วย

6. สิวหัวหนอง (Pustule)

อีกหนึ่งประเภทของสิวอักเสบ ที่มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดง อาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือปวดได้ง่าย โดยข้างบนตุ่มจะมีหัวหนองสีเหลือง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการดูแลรักษาหน้าที่ไม่สะอาด จึงทำให้เกิดการตกค้างของสิ่งสกปรกบนใบหน้า

7. สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)

สิวหัวช้างถือเป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง ที่เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว โดยแบคทีเรียเหล่านี้มักจะมีเอนไซม์สำหรับการย่อยน้ำมัน (Sebum) จึงทำให้ตุ่มสิวกลายเป็นกรดไขมัน ที่มีฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ง่าย จึงมักจะเกิดกับวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีผิวหน้ามัน ซึ่งในตอนแรก อาจจะยังเป็นสิวที่ไม่มีหัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาจเกิดอาการบวมแดงและปวดบริเวณผิวได้อีกด้วย

8. สิวเทียม สิวผด หรือสิวหิน (Acne Aestivalis)

เป็นลักษณะตุ่มเล็ก ๆ ที่คล้ายกับผดอยู่บนผิวหน้า หากตากแดดร้อน ๆ ตุ่มจะชัดเจนขึ้น ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณรอบดวงตา เนื่องจากมีต่อมเหงื่อเยอะ และระบายออกไม่หมด จึงทำให้เกิดสิวอุดตัน เพราะเป็นต่อมเหงื่อที่ไม่มีรูอยู่ใต้ผิวหนังนั่นเอง

9. สิวเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Acne Cyst)

มีลักษณะใหญ่ นับเป็นสิวอักเสบขั้นรุนแรง เป็นตุ่มแดง ๆ มีหนองอยู่ข้างใน ซึ่งถึงแม้ว่าสิวประเภทนี้จะพบไม่บ่อย แต่ถ้าหากขึ้นแล้ว ออนนี่ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจจะเกิดอาการอักเสบหรือติดเชื้อได้ง่าย

เลเซอร์รอยสิว

รวม 4 วิธี ดูแลรักษาอย่างไรไม่ให้ทิ้งรอยสิว

ได้รู้กันไปแล้วว่าสิวมีกี่ประเภท ทีนี้เรามาดูกันว่ามีวิธีรักษาสิวและรอยสิวอย่างไรบ้าง ให้ได้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

1. รักษาความสะอาดของใบหน้า

สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานของการป้องกันสิวเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือการให้ความสำคัญกับการล้างหน้าที่ถูกวิธี เพื่อทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าด้วยน้ำที่สะอาด เพื่อเป็นการล้างขจัดน้ำมัน ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องสำอางที่อาจมีส่วนประกอบของสารเคมีที่ไปรบกวนผิวอีกด้วย นอกจากนี้ยังควรเลือกใช้อุปกรณ์ล้างหน้า หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อช่วยทำความสะอาดได้อย่างตรงจุด และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้อีกด้วย

2. ไม่แคะ แกะ หรือ บีบสิว

ออนนี่เชื่อว่าเวลามีสิวขึ้น เรามักจะอดใจไม่ไหว คันมืออยากบีบ แกะ เกา แต่ขอให้ทุกคนหักห้ามใจไว้! เพราะการใช้มือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิว จะยิ่งทำให้ปัญหาสิวนั้นรุนแรงขึ้นได้ และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มได้

3. ทายาแต้มสิว

อีกหนึ่งวิธียอดฮิตในการรักษาสิว นั่นก็คือการทายาแต้มสิว ที่ออนนี่ขอแนะนำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ รู้ว่าสิวบนหน้าของตัวเองคือสิวประเภทไหน จะได้เลือกใช้ยาแต้มสิวให้ถูกประเภท และทำให้สิวหายได้ไวขึ้น เช่น สำหรับใครที่มีสิวอุดตัน ควรเลือกใช้เซรั่มละลายหัวสิว ที่ทาบาง ๆ บนใบหน้า ในขณะที่สิวอักเสบ หรือนูนแดง ควรใช้ยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อในการช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ต้นเหตุของการเกิดสิว

4. เลเซอรร์อยสิว Dual Yellow Laser

หากหนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนอยากรักษาสิวให้หายได้ไว ลดการอักเสบ แถมไม่เกิดรอยที่ชัดเจน ออนนี่ขอแนะนำการเลเซอร์รอยสิว แบบ Dual Yellow Laser โดยเป็นการใช้เครื่องสำหรับการยิงเส้นเลือดฝอย และเม็ดสีของผิวหนังด้านบน เพื่อทำให้รอยแดงจางลง และไม่เกิดรอยช้ำหลังการรักษา โดยจะช่วยลดอาการอักเสบของสิวและช่วยปรับสมดุลผิวให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะรอยสิว รอยดำสามารถเห็นผลได้จริง ซึ่งการยิงเลเซอร์รอยสิวนี้ ถือเป็นวิธีรักษาสิวที่มีความปลอดภัยสูง แถมยังมีราคาไม่สูงมาก ใช้เวลารักษาก็ไม่นานเพียง 30-60 นาทีต่อครั้ง ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น หลังทำเสร็จ เพื่อน ๆ จะรู้สึกว่าผิวดูสว่าง กระจ่างใสได้จริง แถมรอยต่าง ๆ ยังจางลง เพิ่มความสบายให้กับผิวหน้าได้อีกด้วย

หากใครกำลังมองหาคลินิกที่มีบริการฉีดเลเซอร์รอยสิว Dual Yellow Laser ที่ได้มาตรฐานระดับสากล สามารถเข้ามาปรึกษาที่กังนัมคลินิกได้เลยค่ะ คลินิกความงามมาตรฐานเดียวกับประเทศเกาหลี ที่ปัญหาสิวจะหมดไปอย่างเห็นผลและปลอดภัย ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายได้เลยที่ โทรศัพท์ 090-665-3616, 098-269-7450 Email: gangnamclinicthailand@gmail.com และ Line Official: @gangnamclinic

Leave a Reply