ออนนี่เข้าใจดีว่า ใคร ๆ ก็อยากมีจมูกที่โด่งสวยรับกับรูปหน้ากันทั้งนั้น ซึ่งปัจจุบันมีวิธีการมากมายที่เราสามารถเลือกใช้ในการเนรมิตให้จมูกสวย แต่หลายคนอาจจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะเกรงว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่ได้ดั่งใจ หรือไม่แน่ใจว่าจะเลือกวิธีไหนดี วันนี้ออนนี่จะมาเปรียบเทียบระหว่างการฉีดฟิลเลอร์จมูกและการเสริมจมูกให้ทุกคนเห็นภาพกันว่า วิธีไหนเหมาะกับเรามากที่สุด?
1.รู้จักฟิลเลอร์จมูกและเสริมจมูก
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักและเข้าใจความแตกต่างระหว่างการฉีดฟิลเลอร์และการเสริมจมูกกันก่อนดีกว่า
ฟิลเลอร์จมูกคืออะไร
เป็นการฉีดสารไฮยาลูรอนิคเอซิด (HA filler) ซึ่งเป็นสารเลียนแบบตามธรรมชาติเข้าไปบริเวณจมูก เพื่อช่วยปรับรูปให้จมูกโด่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม โดยฟิลเลอร์เป็นสารเลียนแบบคอลลาเจนตามธรรมชาติซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเรา และสามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติภายในระยะเวลา 4-6 เดือน ถือว่าเป็นวิธีการปรับรูปจมูกให้ดูโด่งขึ้นอย่างละมุนและเป็นธรรมชาติ
เสริมจมูกคืออะไร
ในทางกลับกันการเสริมจมูกก็คือการผ่าตัดเพื่อปรับแต่งรูปทรงของจมูกแบบถาวรและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยปัจจุบันมีวิธีการศัลยกรรมและวัสดุที่นำมาใช้เสริมจมูกหลากหลายรูปแบบ ให้เลือกได้ตามความพึงพอใจ
2.เข้าใจข้อดีและข้อเสีย
ก่อนจะตัดสินใจเลือกเสริมจมูกด้วยวิธีไหน ตามออนนี่มาทำความเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียกันก่อนดีกว่า
ข้อดีฟิลเลอร์จมูก
- มีความปลอดภัยสูง มีผลกระทบน้อยและไม่เป็นอันตราย ที่สำคัญไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด
- ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและได้รูปทรงจมูกที่ดูเป็นธรรมชาติ
- หมดกังวลเรื่องวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก
- สามารถปรับแต่งแก้ไขได้โดยการฉีดเพิ่มเติม หรือหากต้องการเอาออกก็สามารถฉีดสลายได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายกับร่างกาย
- สารฟิลเลอร์สามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติ ภายใน 4 – 6 เดือน โดยไม่เป็นอันตรายกับร่างกาย
- เห็นผลลัพธ์ทันทีตั้งแต่การฉีดครั้งแรก
- ไม่จำเป็นต้องมีเวลาพักฟื้น
ข้อเสียฟิลเลอร์จมูก
- ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร จำเป็นต้องมีการฉีดเติมเรื่อย ๆ เพราะสารจะสลายหลังฉีดไปเองตามธรรมชาติ
- ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาดหรือฉีดไปโดนเส้นเลือดที่สำคัญ
- ปัญหาเกี่ยวกับจมูกบางรูปแบบ จะไม่สามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ได้ เพราะเป็นเพียงสารที่ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มสันหรือปลายจมูก
ข้อดีของการเสริมจมูก
- ได้ทรงจมูกที่ต้องการและสามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้อย่างตรงจุด
- ได้ผลลัพธ์ที่ถาวร
ข้อเสียของการเสริมจมูก
- หลังผ่าตัดจำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นนานประมาณ 2-4 สัปดาห์
- มีราคาค่อนข้างสูงทั้งการผ่าตัดศัลยกรรมและการผ่าตัดแก้ไข
- หากไม่พึงพอใจหรือต้องการแก้ไขจมูก จะต้องเข้ารับการแก้ไขด้วยวิธีการผ่าตัดเท่านั้น
- ต้องผ่าตัดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์สูง ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ทั้งแผลเกิดการติดเชื้อ เกิดปัญหาจมูกทะลุ หรือเสริมจมูกมาแล้วดูไม่สวยหรือไม่รับกับใบหน้าได้
3.วิธีการไหนเหมาะกับใครบ้าง
สำหรับใครที่ยังลังเล และไม่แน่ใจว่าวิธีการแบบไหนเหมาะสมกับเรากันแน่ ออนนี่รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว ลองเช็กตัวเองตามนี้ได้เลย
ฟิลเลอร์จมูก
- คนที่ต้องการปรับแต่งจมูกให้สูงขึ้นเพียงเล็กน้อย
- คนที่มีสันจมูกเดิมอยู่บ้างแล้ว แค่ต้องการเพิ่มความสูงและแต่งทรงให้สวยหรือคมชัดมากขึ้น
- คนที่มีฮัมพ์บริเวณจมูกซึ่งก็คือกระดูกนูนที่อยู่บนตำแหน่งสันจมูก แล้วอยากทำการปกปิดสันจมูกให้ดูสวยและเรียบเนียนมากขึ้น
- คนที่ต้องการลองฉีดก่อนตัดสินใจผ่าตัดเสริมจมูก หรือคนที่ไม่แน่ใจว่าถ้าเสริมจมูกแบบถาวรไปแล้วจะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไรหรือจะถูกใจไหม
- คนที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้น
เสริมจมูก
- คนที่ต้องแก้ไขทรงหรือปัญหารูปจมูกอย่างจริงจัง
- คนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร ไม่ต้องคอยฉีดหรือเติมจมูกอยู่บ่อย ๆ
- คนที่ไม่ค่อยมีเนื้อจมูกหรือไม่มีสันจมูกเดิมอยู่เลย
- คนที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องปลายจมูกบานใหญ่ ปลายจมูกสั้น จมูกไม่โด่ง หรือต้องการได้จมูกทรงหยดน้ำ
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลความแตกต่างรวมถึงข้อดีข้อเสียระหว่างการฉีดฟิลเลอร์จมูกและการเสริมจมูกที่ออนนี่นำมาฝากในวันนี้ สำหรับใครที่สนใจอยากเพิ่มมิติให้กับรูปหน้าด้วยการฉีดจมูกหรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ สามารถเข้าไปติดต่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่ได้ที่กังนัมคลินิก หรือโทร 090-665-3616 และ 098-269-7450 รวมถึงช่องทาง Line: @gangnamclinic