ริ้วรอยและความหมองคล้ำใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูโทรมแถมมีอายุ! ออนนี่ว่าคงไม่มีใครอยากให้ผิวหน้าของตัวเองดูโทรม ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัย แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา วันนี้ออนนี่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตาว่าจะสามารถช่วยเพิ่มความสดใสให้กับใบหน้าได้อย่างไร พร้อมวิธีเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลตัวเองหลังฉีดแบบครบถ้วน หากใครอยากหน้าเด็กดูอ่อนกว่าวัย ตามออนนี่มาดูกันเลย!
1.ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารกลุ่ม Hyaluronic Acid หรือ HA เข้าไปในผิวบริเวณใต้ตา เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาริ้วรอย ถุงใต้ตา ใต้ตาหมองคล้ำ และช่วยเติมความชุ่มชื้น ซึ่งปัญหาใต้ตาที่เรามักเผชิญมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น ภูมิแพ้ พฤติกรรมการนอน และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือ การดื่มน้ำน้อย การโดนแสงแดดบ่อย ๆ และเป็นเวลานาน รวมถึงพันธุกรรม เป็นต้น
โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยทำให้ใต้ตามีความเรียบเนียน กระชับเต่งตึง ร่องใต้ตาดูตื้นขึ้น ลดรอยเหี่ยวย่นบริเวณหางตา ริ้วรอยและความหมองคล้ำต่าง ๆ ดูจางลง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้นด้วย
2.การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังจากที่ได้ติดต่อคลินิกเสริมความงาม ปรึกษาแพทย์ และทำการนัดหมายวันทำการฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้ว ควรเตรียมตัวเองให้พร้อมตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
การรับประทานอาหาร
- งดยาและวิตามินบางชนิด
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 2 สัปดาห์ จำเป็นต้องงดยาบางชนิด ได้แก่ ยากลุ่มแอสไพรินและยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS แต่หากมีความจำเป็นจะต้องใช้ยาทั้งสองกลุ่มนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน รวมถึงต้องงดวิตามินหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมหรือสารสกัดของน้ำมันปลา น้ำมัน Evening Primrose
วิตามิน E โสม ขิง ใบแปะก๊วย และกระเทียม - งดดื่มแอกอฮอลล์
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 – 3 วัน ต้องงดดื่มเครื่องดื่มแอกอออลล์ทุกชนิด
การทำกิจกรรม
- งดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 วัน
ควรงดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 วันก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยเฉพาะการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างคาดิโอ รวมถึงการอบซาวน่าด้วย - งดการนวดหน้า ทำทรีตเมนต์ หรือแว็กซ์ผิว ก่อนทำ 3 วัน
หลีกเลี่ยงการผลัดผิว ดึงขน ถอนขน หรือแว็กซ์ผิว รวมถึงการนวดหน้าและเลเซอร์ ก่อนมาฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 3 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองผิว
การเตรียมตัวด้านอื่น ๆ
- ดูแลร่างกายให้แข็งแรง โรคประจำตัวไม่กำเริบ
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้อยู่ในภาวะแข็งแรงสมบูรณ์ หากใครมีโรคประจำตัวร้ายแรงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง - งดแต่งหน้าก่อนไปใช้บริการฉีดฟิลเลอร์
ก่อนเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรแต่งหน้า เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดและป้องกันการปนเปื้อนที่อาจเกิดขึ้นจากเครื่องสำอางได้
3.การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเรียบร้อยแล้ว ยังต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์การฉีดเป็นที่น่าพึงพอใจ ดังนี้
การดูแลบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- เลี่ยงการจับ เกา นวด บริเวณที่ฉีด
หลีกเลี่ยงการจับ เกา และนวดบริเวณที่ฉีด เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดไว้ หรืออาจเกิดการติดเชื้อตามมาได้ - ประคบน้ำแข็ง
หากมีรอยช้ำ มีอาการบวมหรือคัน สามารถใช้ผ้าห่อถุงน้ำแข็งแล้วประคบเย็นได้ โดยควรประคบประมาณ 15 นาที
การรับประทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบางประเภท
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดองอย่างผลไม้ดอง ปลาร้า รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ๆ ทั้งเผ็ดจัดและหวานจัดด้วย ที่สำคัญควรเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่สดสะอาดหรืออาหารดิบ เพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนจนทำให้เกิดการอักเสบตามมาได้ - หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้เลือดออกบริเวณที่ฉีดได้ - ดื่มน้ำให้มากเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว
ควรดื่มน้ำมาก ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว เพื่อกระตุ้นให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ดูเป็นธรรมชาติและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากขึ้น เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารที่มีฤทธิ์ในการอุ้มน้ำนั่นเอง
การดูแลตัวเองด้านอื่น ๆ
- เลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน
การโดนแสงแดดหรือความร้อนอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง แสบ เกิดผื่น และรอยแดงได้ เนื่องจากผิวจะบอบบางกว่าปกติหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงความร้อนประมาณ 2 สัปดาห์ - เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของกรดผลไม้
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ เช่น AHA BHA หรือ Retinoid เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
และนี่ก็คือขั้นตอนการเตรียมตัวและดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ออนนี่นำมาฝาก สำหรับสาว ๆ ที่สนใจอยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ Gangnam Clinic เราเป็นคลินิกความงามคุณภาพ มาตรฐานเดียวกับประเทศเกาหลี พร้อมให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ หากสนใจหรือมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายวันเข้ารับบริการได้เลยที่ โทรศัพท์ 090-665-3616 และ 098-269-7450 หรือ Email: [email protected] รวมถึง Line Official: @gangnamclinic