ครบจบ! ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับรอยสักความหมายดีๆ และ การเตรียมตัวไปสัก

รอยสักความหมายดีๆ ที่ไม่ควรพลาด

เพราะรอยสักไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับทางแฟชั่น แต่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตนและเป็นอีกหนึ่งงานศิลปะบนเรือนร่างที่ยากจะเลียนแบบ ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการสร้างตัวตนให้มีเอกลักษณ์ด้วยรอยสักความหมายดีๆ วันนี้ออนนี่จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับทุกเรื่องเกี่ยวกับการสัก ตั้งแต่การเลือกรอยสักให้เหมาะกับตัวเอง การเตรียมตัวและดูแลตัวเองอย่างถูกต้องทั้งก่อนและหลังสัก ตลอดจนการลบรอยสักอย่างถูกวิธีด้วยการใช้เลเซอร์ลบรอยสัก หากใครพร้อมที่จะสักกันแล้ว มาหาข้อมูลเพิ่มเติมไปพร้อมกันได้เลย!

การเตรียมตัวก่อนสัก

การสักเป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างงานศิลปะบนผิวหนังที่ช่างสักจะนำเม็ดสีประเภทต่าง ๆ ฝังเข้าไปลึกถึงผิวหนัง และมีขนาดใหญ่มากพอที่ร่างกายจะไม่สามารถกำจัดออกไปได้ ซึ่งการนำเม็ดสีเข้มลงสู่ชั้นผิวหนังนี้ ช่างผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มสักที่แตกต่างกันไปตามเทคนิคที่ต้องการ เช่น หากเป็นการสักลายสมัยใหม่ก็จะใช้เครื่องสักไฟฟ้าต่อเข้ากับเข็มสักขนาดต่าง ๆ หรือ หากเป็นการสักยันต์สมัยก่อนก็จะใช้เหล็กแหลมเป็นตัวสร้างรอยสักเป็นต้น 

แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกรอยสักความหมายดีๆ ที่ชื่นชอบ หรือจะเป็นการสักยันต์ สักถาวร หรือสักประเภทไหนๆ ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมตามขั้นตอน ดังนี้

1. เลือกลายไม่พอ เลือกขนาดและตำแหน่งให้เหมาะสมด้วย

สิ่งแรกที่ทุกคนควรให้ความสำคัญพอๆ กับลายสักที่เลือก คือ การเลือกตำแหน่งและขนาดในการสัก ซึ่งนอกจากความเหมาะสมและความต้องการแล้ว การเลือกสักในตำแหน่งและขนาดที่แตกต่างกันยังส่งผลต่อการดูแลตัวเองและระดับความเจ็บที่แตกต่างกันด้วย โดยหากเป็นการสักในบริเวณที่มีผิวหนังน้อยและใกล้กระดูกมากเท่าไหร่ ความเจ็บก็จะยิ่งมีมากเท่านั้น ซึ่งอาจเรียงลำดับความเจ็บจากน้อยไปมากได้ ดังนี้

  • ความเจ็บระดับ 1: แขน คอ บ่า
  • ความเจ็บระดับ 2: หลังหู ไหล่ สะโพก
  • ความเจ็บระดับ 3: หน้าอก กลางหลัง ข้อมือ เอว ข้างลำตัว ก้น
  • ความเจ็บระดับ 4: ใบหู ข้อเท้า นิ้วมือ หน้าท้อง น่อง ใบหน้า

2. เลือกร้านสักที่มีความน่าเชื่อถือ

“สักร้านไหนดี” เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนมักสงสัย ซึ่งคำตอบง่ายๆ ก็คือ นอกจากจะเลือกจากงบประมาณ ลาย และฝีมือของช่างสักแล้ว การเลือกร้านสักยังต้องพิจารณาถึงความสะอาดของร้าน รีวิว ตลอดจนคุณภาพของเครื่องสักและหมึกสีที่ใช้อีกด้วย 

โดยหากไม่พิจารณาในส่วนนี้ให้ดี ไม่เพียงแต่จะได้ลายที่ไม่ตรงกับความต้องการและทำให้เจ็บตัวฟรีเท่านั้น โอกาสในการติดเชื้อจากการสัก ตลอดจนแพ้หมึกที่นำมาสักก็จะยิ่งมีสูง ส่งผลให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นและคีลอยด์ตามมาได้ แต่โดยปกติแล้ว ร้านสักที่มีความน่าเชื่อถือจะไม่มีการใช้เข็มซ้ำ และช่างสักจะมีการหยิบเข็มสักใหม่มาให้ตรวจเช็กก่อนที่จะเริ่มสักอีกด้วย 

ออนนี่ขอบอก!

หมึกสำหรับสักนั้นจะมีด้วยกันหลายประเภท ซึ่งจะใช้แตกต่างกันไปตามเทคนิคและรอยสักที่ต้องการ อย่างไรก็ดี หมึกสักบางประเภทอาจมีการใช้โลหะหนักผสมเพื่อสร้างสีสันต่างๆ เช่น ใช้ปรอทเพื่อสร้างสีแดง ใช้แคดเมียมเพื่อสร้างสีเหลือง หรือใช้ตะกั่วเพื่อสร้างสีเขียว เป็นต้น ซึ่งโลหะหนักประเภทต่างๆ นี้อาจสะสมในร่างกายและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 

ดังนั้น ก่อนสักทุกครั้ง ออนนี่ขอแนะนำให้ทุกคนศึกษาประเภท วิธีการทำ ตลอดจนข้อจำกัดของหมึกสีที่แต่ละร้านใช้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันอันตรายทั้งจากการแพ้และปัญหาสารเคมีสะสมในร่างกายด้วย

3. เตรียมตัวให้พร้อม!

เมื่อเลือกรอยสักความหมายดีๆ ได้ตรงกับความต้องการ พร้อมติดต่อร้านสักที่สะอาด น่าเชื่อถือ และมั่นใจในฝีมือได้แล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนสักตามขั้นตอนดังนี้

    1. เช็กและปรึกษาอาการแพ้ต่างๆ กับทางร้านสักและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    2. เตรียมผิวให้พร้อม โดยการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นโดยใช้มอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนสัก พร้อมหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวบางหรือระคายเคือง เช่น การอาบแดด และการกำจัดขน 
    3. งดทานยาและวิตามินประเภทเจือจางเลือด หรือทำให้เลือดไหลเวียนดี เช่น แอสไพริน วิตามินซี น้ำมันปลา และยาต้านการเกิดลิ่มเลือด
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
  • พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำให้มากๆ
  • ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ไปสักเพื่อป้องกันเสื้อผ้าเสียดสีกับรอยสักใหม่

วิธีดูแลรอยสักหลังสักเสร็จ

เมื่อสักเสร็จใหม่ๆ รอยสักจะเป็นเสมือนแผลประเภทหนึ่ง ซึ่งหลังจากทำการสักเสร็จเรียบร้อย ช่างสักมักจะทำการทาปิโตรเลียมเจลลงที่บริเวณรอยสัก หลังจากนั้นจึงทำการปิดแผลเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ผิวหนังและเพื่อไม่ให้เสื้อผ้าเสียดสีกับแผลสักมากเกินไป 

และเมื่อทำการสักและปิดแผลนาน 24 ชั่วโมงแล้ว ออนนี่อยากขอแนะนำให้ทุกคนล้างแผลด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย พร้อมล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับให้แห้ง และทาปิโตรเลียมเจลบางๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่แผลจนกว่าแผลรอยสักจะหายดี พร้อมงดกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวแห้งและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างการว่ายน้ำ การอาบแดด การอาบน้ำร้อน และการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น เป็นต้น

อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังสัก

ในช่วง 1 – 6 วันแรก รอบๆ รอยสักอาจมีแผลตกสะเก็ด รอยแดง หรืออาจมีหมึกสีไหลออกมาในขณะล้างแผลได้ ซึ่งถือเป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้น และสามารถบำรุงผิวและรอยสักโดยการใช้มอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ และห้ามแกะแผลใดๆ เด็ดขาด เพราะอาจทำให้รอยสักลอกและเป็นแผลเป็นบริเวณรอยสักได้

เมื่อผ่านไป 7 – 10 วัน อาการต่างๆ เหล่านี้ก็จะค่อยๆ ทุเลาลง และเหลือเพียงแต่อาการคันและผิวหนังลอก ซึ่งในช่วงเวลานี้แล้ว ออนนี่ขอแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ พร้อมทำความสะอาดแผลต่อเนื่อง และอย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์บริเวณที่สักเป็นประจำ 

และหลังจากสักได้ 14 – 30 วัน อาการต่างๆ ก็จะเริ่มหายไป แต่บริเวณที่สัก อาจจะยังดูหมองคล้ำขึ้นได้ เนื่องจากอาจมีเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลงเหลืออยู่ หากใครที่เจออาการเหล่านี้ควรเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยการทามอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์เป็นประจำ และเมื่อผ่านไปได้ 3 – 4 เดือน รอยสักก็จะเริ่มเข้าที่และมีสีสันสวยงามมากยิ่งขึ้น

สัญญาณเตือนรอยสักติดเชื้อ

รอยสักอาจเกิดอาการติดเชื้อได้ภายใน 7 – 14 วันหลังสัก โดยรอยสักที่ติดเชื้อนั้นอาจมีอาการดังต่อไปนี้ 

  1. อาการบวมแดง แผลร้อน หรือมีผื่นคันมากกว่าปกติ
  2. มีของเหลว น้ำเหลือง และหนองไหลออกมาจากรอยสัก
  3. มีไข้หนาวสั่น
  4. มีสะเก็ดแผลที่มากกว่าปกติ

หรือหากใครมีอาการผิดปกติอื่นๆ นอกเหนือจากทั้ง 4 ข้อนี้ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติต่างๆ ทันที

เลเซอร์ลบรอยสักเพื่อตัวตนใหม่

หากต้องการแก้ไขรอยสักควรทำอย่างไร?

รอยสักความหมายดีๆ อาจแตกต่างกันไปตามความชื่นชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งสำหรับใครที่ยังรู้สึกไม่ถูกใจกับรอยสักที่ได้มาก็สามารถไปแก้ไขรอยสักของตัวเองได้ดังนี้

  1. รอให้แผลหายสนิทดี จากนั้นติดต่อให้ช่างสักคนเดิมแก้ไขงานตามความเหมาะสม
  2. สักรอยสักใหม่ทับรอยสักเดิม
  3. ลบรอยสักด้วยการใช้เลเซอร์ลบรอยสักคุณภาพสูงที่เหมาะสมกับผิวของคนเอเชีย เช่น “PICOWAY” Fractional Laser จากกังนัมคลินิก จากนั้นรอให้แผลหายดีและทำการสักใหม่

แนะนำ 4 รอยสักความหมายดีๆ สำหรับทุกคน

เพียงเท่านี้ทุกคนก็สามารถเตรียมตัวสักและสร้างรอยสักที่ตอบโจทย์ตัวตนและไลฟ์สไตล์ได้แล้ว และสำหรับใครที่ต้องการสัก แต่ยังไม่มีไอเดียรอยสักที่โดนใจ วันนี้ออนนี่จะพาไปรู้จักกับ 4 รอยสักความหมายดีๆ ที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศกัน 

  • ดาวประจำราศี

เมื่อพูดถึงการสักดาว หลายคนมักนึกถึงการสักดวงจันทร์หรือพระอาทิตย์ แต่การสักดาวประจำราศึ หรือ ดาวประจำตัวก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวตนได้อย่างชัดเจน แถมยังสามารถพลิกแพลงรอยสักให้เข้ากับลายอื่นๆ ได้ง่ายอีกด้วย

  • โควทที่ชื่นชอบ

โควท หรือ Quote ที่ชื่นชอบจากทุกภาษานั้นสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องหมายย้ำเตือนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองในวันที่ท้อได้ ซึ่งการสักโควทดีๆ ตามจุดต่างๆ ที่มองเห็นได้ง่ายก็จะช่วยสร้างกำลังใจให้กับตัวเองได้ในทุกๆ วัน  

  • ดอกไม้

ดอกไม้แต่ละประเภทมาพร้อมกับความหมายที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่แล้ว ดอกไม้ที่ได้รับความนิยมในการสักจะประกอบไปด้วย ดอกทานตะวัน ดอกบัว ดอกโบตั๋น ดอกกุหลาบ และดอกซากุระ ซึ่งดอกไม้ทั้ง 5 นี้จะให้ความหมายถึงการอดทนเพื่อสิ่งที่ดีในวันข้างหน้านั่นเอง

  • อินฟินิตี้

อินฟินิตี้ หรือ Infinity เป็นรอยสักความหมายดีๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นนิรันดร์ ไม่สิ้นสุด ซึ่งอาจนำรอยสักต่างๆ มาผสมเพื่อสร้างความหมายดีๆ ได้ เช่น นำรูปดอกไม้มาผสมกับลายอินฟินิตี้เพื่อสร้างความหมายถึงการอดทนรอสิ่งที่ดีแบบไม่สิ้นสุด

นอกเหนือจากรอยสักความหมายดีๆ ที่ออนนี่นำมาฝากแล้ว ทุกคนยังสามารถสร้างรอยสักเป็นลายกราฟิกต่างๆ ตลอดจนศึกษาลายเส้นให้เหมาะสมเพื่อออกแบบรอยสักให้ตรงกับตัวตนของตัวเองได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี รอยสักที่ใช่อาจไม่ตรงใจเราเมื่อเวลาผ่านไป หากวันไหนต้องการบอกลารอยสักเดิมเพื่อเปิดประตูสู่ตัวตนใหม่ กังนัมคลินิกและออนนี่ก็มาพร้อมกับบริการเลเซอร์ลบรอยสักที่จะช่วยทำให้ทุกคนบอกลารอยสักและตัวตนเดิมๆ เพื่อก้าวเข้าสู่ตัวตนใหม่ๆ ได้เช่นกัน สนใจปรึกษาคุณหมอโดยตรงได้ที่ Line: @gangnamclinic