อยากใส่สั้นเปิดตรงนั้น โชว์ตรงนี้ แต่ยังมีปัญหาหนักใจ เพราะขนที่ขึ้นมาทำให้ขาดความมั่นใจ ตัวเลือกแรกที่นึกถึงคงหนีไม่พ้นการใช้มูสกำจัดขนหรือครีมกำจัดขนที่หาซื้อได้ง่าย เพราะสะดวกต่อการใช้งาน แต่จะใช้ทั้งทีต้องรู้รายละเอียดให้ครบ! เพราะบางครั้งสิ่งที่มองว่าใช้ง่าย อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ เช่น อาการแพ้ที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง ออนนี่จึงอยากจะมาแนะนำก่อนตัดสินใจเลือกใช้ ว่าครีมหรือมูสกำจัดขนมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร พร้อมตอบคำถามคาใจสาว ๆ หลายคนว่า จะมีวิธีการกำจัดขนถาวรแบบไหนอีกบ้าง ที่ให้ผลลัพธ์ตรงใจในบทความนี้ ใครอยากรู้ ห้ามพลาดเลยนะ!
ทำความรู้จักกับมูสกำจัดขน
มูสกำจัดขน หรือผลิตภัณฑ์กำจัดขน ส่วนมากมักมาในรูปแบบของมูส ครีม โลชั่น หรือเจล ซึ่งจะประกอบด้วยสารเคมีที่มีความเป็นด่างสูง ซึ่งจะทำหน้าที่ละลายโครงสร้างคีราตินโปรตีนของเส้นขนที่อยู่เหนือผิวหนังเพื่อสลายรากขนให้อ่อนโยนลง ทำให้เกิดการหลุดร่วงและกำจัดได้ง่ายขึ้นเพียงแค่ทำการเช็ดออก ซึ่งวิธีการใช้อาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อและชนิดของผลิตภัณฑ์ แต่ก่อนการเลือกใช้ทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้ดีว่ามีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยด้วย
มูสกำจัดขนมีข้อดีอย่างไร?
- ประหยัด เนื่องจากมีราคาอยู่ที่หลักร้อย และสามารถนำกลับมาใช้ได้หลายครั้ง
- ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงทาครีมบนผิวหนังทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วเช็ดออก
- ไม่เจ็บปวด เป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บของผิวหนังได้น้อย
- ทำเองได้ตามวิธีบนกล่อง โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์
- มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมายหลายสูตร สามารถเลือกที่เหมาะสมกับตัวเองได้
- หาซื้อได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าทั่วไป
มูสกำจัดขนมีข้อเสียอย่างไร?
- ได้ผลในระยะสั้นเพราะรากขนยังคงอยู่ในชั้นผิวหนัง ทำให้เส้นขนสามารถกลับมาขึ้นใหม่ได้ภายใน 2-5 วัน
- อาจมีเส้นขนตกค้าง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีเส้นขนสีดำดก ซึ่งจะมองเห็นเป็นรอยดำบนผิวหนัง
- เนื่องจากเป็นสารเคมีจึงมีกลิ่นฉุนและค่อนข้างเลอะเทอะเวลาใช้
- มีความเป็นด่างสูง จึงอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
คำแนะนำและข้อควรระวังในการใช้มูสกำจัดขน
ห้ามพอกครีมไว้นานเกินกว่าที่กำหนด
เนื่องจากหากพอกครีมไว้นานเกินไป เคมีในเนื้อครีมอาจเข้าไปทำลายโปรตีนในชั้นผิวหนังที่สัมผัสตัวยา จนอาจส่งผลทำให้ผิวหนังระคายเคืองและอักเสบได้
ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนการใช้งาน
สามารถทดสอบได้ด้วยการทาครีมทิ้งไว้ 10-15 นาที หรือตามเวลาในฉลาก บริเวณที่ต้องการกำจัดขน และเช็ดออกเพื่อสังเกตอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง โดยหากมีอาการไหม้ ปวดแสบปวดร้อน แสดงว่าเกิดอาการแพ้ที่ไม่ควรใช้ต่อ แต่หากไม่มีอาการใด ๆ เกิดขึ้น ก็สามารถใช้ได้โดยไม่เกิดอันตาย
ห้ามใช้ในบริเวณอื่น
มูสกำจัดขนใช้ได้เฉพาะการกำจัดเส้นขนตามแขนและขาเท่านั้น ไม่ควรใช้บนใบหน้าหรือบริเวณผิวหนังที่บอบบางและชั้นหนังกำพร้าโดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นอันตรายได้ง่าย นอกจากนี้ ควรอ่านฉลากกำกับและใช้ตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด
ได้รู้กันไปแล้วว่ามูสกำจัดขนมีทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง โดยสามารถสรุปได้ว่า มูสไม่สามารถกำจัดขนถาวรได้ แต่จะเป็นแค่การกำจัดเส้นขนที่อยู่บนผิวให้ออกไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น และไม่สามารถกำจัดรากเส้นขนในชั้นผิวหนังได้ แต่ถ้าใครกำลังมองหาวิธีกำจัดขนถาวร บอกเลยว่าออนนี่เตรียมข้อมูลน่ารู้มาให้แล้ว!
แนะนำ! เลเซอร์ขน ทางออกของการการกำจัดขนถาวร
กระบวนการเลเซอร์ขนช่วยกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์ทั่วบริเวณร่างกายได้ เว้นแต่บริเวณที่มีความอ่อนไหวมาก อย่างเปลือกตาหรือรอบดวงตา ซึ่งข้อดีของการเลเซอร์กำจัดขนยังมีผลข้างเคียงต่ำมาก เนื่องจากการเลเซอร์ขนเป็นการส่งคลื่นความร้อนไปกระทบกับขนโดยตรง โดยไม่ส่งผลต่อผิวหนัง จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคือง รวมถึงสามารถเข้าไปทำให้รากขนอ่อนตัว ลดการเกิดขนคุด โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้
- กำจัดขนถึงรากลึก ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนที่โผล่มาเหนือผิวหนังเท่านั้น
- ชะลอการเกิดขนเส้นใหม่ได้ในระยะยาว
- ช่วยให้เส้นขนที่ขึ้นใหม่บางลง และไม่ขึ้นเป็นตอ
- ลดการเกิดปัญหาขนคุด ตุ่มหนังไก่
- ช่วยปรับความสม่ำเสมอของสีผิว ลดโอกาสเกิดจุดด่างดำ
- สามารถกำจัดขนถาวรได้ หากทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 4-5 ครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้ จะสามารถทำให้ขนไม่กลับมาขึ้นซ้ำอีก หรือขึ้นน้อยและบางลงในที่สุด
มองหาการกำจัดขนถาวรที่ปลอดภัยได้มาตรฐานต้องเลือกเลเซอร์ขนที่กังนัมคลินิก จะกี่เส้นก็หายเกลี้ยง ด้วยเครื่องเลเซอร์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย พร้อมประสิทธิภาพที่จะช่วยกำจัดขนได้อย่างตรงใจในราคาที่คุ้มค่า มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้การดูแลทุกเคส สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับออนนี่ได้ที่โทรศัพท์ 090-665-3616, 098-269-7450 อีเมล: [email protected] และ LINE Official: @gangnamclinic (มี @ ด้วยนะคะ)