โปรแกรมเรเดียส RADIESSE®

 

ทำความรู้จัก ‘โปรแกรมเรเดียส’ ตัวช่วยฟื้นฟูหน้าระดับใต้ชั้นผิว ผลลัพธ์ระยะยาว!

‘โปรแกรมเรเดียส’ (RADIESSE) ชื่อนี้อาจจะยังไม่เป็นที่คุ้นหูมากนัก แต่เชื่อมั้ยว่าเจ้าตัวนี้เป็นอีกหนึ่งหัตถการมาแรง ช่วยกู้ผิวลงลึกถึง 5 องค์ประกอบระยะยาว ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าครบ จบ ในตัวเดียว! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเติมเต็มริ้วรอย และฟื้นฟูในผิวที่เสื่อมสภาพตั้งแต่ระดับปานกลาง ถึงระดับสูงกันเลย สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ‘โปรแกรมเรเดียส’ คืออะไร ในบทความนี้เรามีคำตอบมาให้แบบละเอียดยิบ ไม่มีงงแน่นอน!

‘โปรแกรมเรเดียส’ คืออะไร? ปลอดภัยมั้ย?

‘โปรแกรมเรเดียส’ คืออะไร? ปลอดภัยมั้ย?

RADIESSE® หรือ เรเดียส เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิดพิเศษ คิดค้นโดย ‘เมิร์ซ เอสเธอติกส์’ บริษัทผู้นำนวัตกรรมความงามระดับโลก วิจัยมาอย่างยาวนานจนได้สารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยกระตุ้นตั้งแต่เส้นใยผิว และฟื้นฟูผิวถึง 5 องค์ประกอบในระยะยาวเลยทีเดียว เหมาะในการแก้ปัญหาในผิวที่เสื่อมสภาพตั้งแต่ระดับปานกลาง ไปจนถึงระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว เมื่อเทียบกับหัตถการอื่นๆ! โดยสารสำคัญในการออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างเส้นใยผิวทั้ง 5 องค์ประกอบนั้นก็คือ CaHa (Calcium Hydroxylapatite) เป็นสารที่มีรูปร่างลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดอนุภาพสม่ำเสมอกัน ประมาณ 24-45 ไมครอน และด้วยลักษณะรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์อันนี้จึงทำให้เจ้าเรเดียสสามารถเข้าไปฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของ Fibroblast เซลล์ที่ทำหน้าที่หลักในการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินให้ผิวดูมีวอลลุ่ม และอ่อนเยาว์

 

มากไปกว่านั้น! ‘โปรแกรมเรเดียส’ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่มีความปลอดภัยสูงมาก และผ่านการรับรองจาก EU, US FDA และ อย.ไทย มาเรียบร้อยแล้ว เพราะสารที่อยู่ในเรเดียสอย่าง CaHa (Calcium Hydroxylapatite) นั้นเป็นสารที่สามารถถูกพบได้ทั่วไปในกระดูก และฟันของมนุษย์ ไม่ใช่สารแปลกปลอม เมื่อเข้าสู่ร่างกายจึงไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นภูมิในร่างกายให้ต่อต้าน มั่นใจได้เลยว่าไม่เกิดการอักเสบ และปลอดภัยแน่นอน!

 

CaHa คืออะไร? ทำไมถึงจำเป็น?

‘CaHa’ หรือที่คนไทยมักเรียกกันว่า ‘คาห้า’ นั้นย่อมาจาก Calcium Hydroxylapatite Microsphere เป็นสารตัวสำคัญใน ‘เรเดียส’ ที่ช่วยเข้าไปกระตุ้นการทำงานของ ไฟโบรบลาส (Fibroblasts) เพื่อให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวในบริเวณที่ฉีด และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเส้นเลือดใต้ชั้นผิว ทำให้สารอาหารเข้าไปหล่อเลี้ยงใต้ชั้นผิวได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆ คนอาจจะกำลังคิดว่า CaHa ก็คงไม่ต่างจาก Skin Booster ทั่วไป แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะตัว CaHa นั้นถือเป็นสารที่ถูกพบทั่วไปในร่างกายของเราโดยธรรมชาติ มีการใช้ทางการแพทย์มาอย่างยาวนานกว่า 25 ปี และไม่ใช่สารแปลกปลอม เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วจะไม่ก่อให้เกิดการอักเสบในบริเวณที่ฉีด และยังสามารถสลายไปตามธรรมชาติอีกด้วย เรียกได้ว่าโปรแกรมเรเดียสนั้นให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า Skin Booster ทั่วไป เพราะไม่ใช่แค่การบำรุง แต่เป็นการเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และยังมาในเนื้อสัมผัสแบบเจล ทำให้มีประสิทธิภาพเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกต่างๆ ได้อย่างชัดเจน แถมยังปลอดภัย และเป็นมิตรกับร่างกายอีกด้วย

จุดเด่นของ ‘โปรแกรมเรเดียส’ ยืนยันจากผู้ใช้จริง!

แน่นอนว่าหัตถการแต่ละชนิดมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อเพิ่มทางเลือก และวิธีแก้ไขปัญหาหลากหลายและตรงจุดสำหรับคนไข้มากที่สุด ในส่วนของเรเดียสนั้น เราได้รวบรวม 6 จุดเด่น แบบสั้นๆ มาให้ได้อ่านเพื่อประกอบการตัดสินใจกัน ดังนี้!

 

  1. ช่วยฟื้นฟู และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ใต้ชั้นผิว ในระดับโครงสร้าง
  2. มาในรูปแบบเจล ทำให้สะดวกต่อการฉีด และได้ผลลัพธ์ค่อนข้างยาวนาน
  3. มีความปลอดภัยสูง เพราะมีการใช้ในทางการแพทย์มายาวนานกว่า 20 ปี และมีงานวิจัยตีพิมพ์ถึง 245 ฉบับ
  4. เป็นที่ไว้วางใจจากทั่วโลก โดยมียอดขายมากถึง 15 ล้านไซริงค์
  5. ผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลสุขภาพระดับแนวหน้าของโลก ไม่ว่าจะเป็น EU, US FDA รวมไปถึง อย.ไทย

เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติจึงไม่ต้องกลัวว่า จะเกิดการตกค้างหลงเหลืออยู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนัง

ดังนั้นจึงถือว่า RADIESSE® เป็น Regenerative Biostimulator เพียงตัวเดียว ที่มีความแตกต่างชัดเจนจากตัวอื่นๆที่มีในตลาด สามารถเข้าไปฟื้นฟูโครงสร้างตาข่ายใต้ผิวหนังได้ถึง 5 องค์ประกอบอย่างมีประสิทธิภาพระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น

  1. Collagen Type 1 ช่วยให้ผิวเฟิร์ม ยกกระชับ เด้งฟู และยังช่วยสมานแผลบนผิวได้อีกด้วย
  2. Collagen Type 3  ช่วยจัดระเบียบการเรียงตัวกันของ Collagen Type 1 อย่างเหมาะสม
  3. อิลาสติน (Elastin)  ตัวช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว เน้นเรื่องริ้วรอย และความหย่อนคล้อยให้ตื้นลง จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
  4. Proteoglycan  สารน้ำหล่อเลี้ยงผิวสำคัญ เน้นเรื่องความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเต่งตึง
  5. Angiogenesis  สารอาหารหล่อเลี้ยงผิว กระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ชั้นผิว

ตำแหน่งที่คนนิยมฉีด!

ใครว่า ‘โปรแกรมเรเดียส’ สามารถฉีดได้แค่บนผิวหน้าเท่านั้น เพราะความจริงแล้วตำแหน่งที่คนมักฉีดกัน มีตั้งแต่ผิวหน้าไปจนถึงหลังมือเลยทีเดียว! วันนี้เราได้รวบรวมตำแหน่งต่างๆ ที่คนนิยมฉีดมาให้แล้ว จะมีจุดไหน ผลลัพธ์เป็นยังไงบ้าง

1.หน้าแก้ม ช่วยยกกระชับผิวหน้า ทำให้หน้าดูอ่อนเยาวน์ลง และช่วยให้ผิวสวย มีสุขภาพดีขึ้น
2.ร่องแก้ม ช่วยให้ร่องตื้นขึ้น หน้าดูเด็กลง
3.ร่องน้ำหมาก เส้นตามรอยพับตื้นขึ้น
4.กรอบหน้า ทำให้กรอบหน้ายกกระชับ และชัดขึ้น
5.หลังมือ กระตุ้นคอลลาเจนที่เกิดจากการสูญเสียไขมัน เติมเต็มบริเวณหลังมือให้เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์
6.เนินหน้าอก ช่วยแก้ไขปัญหาผิวย่น หย่อนคล้อยบริเวณเนินอก

ระยะเวลา และผลลัพธ์ที่ได้

ในบทความนี้เราจะขอแบ่งระยะเวลา และผลลัพธ์ที่ได้เป็น ผลลัพธ์หลังฉีด และผลลัพธ์ระยะยาว เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ และเห็นภาพง่ายมากยิ่งขึ้น ดังนี้

1. ผลลัพธ์หลังฉีด หลังเข้ารับบริการโปรแกรมเรเดียส ตัวยาจะเข้าไปช่วยให้กระชับขึ้น ร่องลึก และริ้วรอยต่างๆ ดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
2. ผลลัพธ์ระยะยาว 3-4 สัปดาห์ หลังเข้ารับบริการโปรแกรมเรเดียส ตัว CaHa จะค่อยๆ เริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวยกกระชับ มีความยืดหยุ่น ทำให้เห็นพัฒนาการของผิว และการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน

‘โปรแกรมเรเดียส’ VS ‘ฟิลเลอร์’ เหมือนกันจริงหรอ?

คำตอบก็คือ ‘ไม่เหมือนกัน’ นั้นเอง โดยจะมีข้อแตกต่าง 4 ข้อหลักๆ ดังนี้


1. ส่วนประกอบหลัก โปรแกรมเรเดียส จะมีส่วนประกอบหลักเป็น CaHa ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะมีส่วนประหลักเป็น HA หรือ ที่เรียกรู้จักกันในชื่อ Hyaluronic Acid ซึ่งตัว CaHa นั้นจะโดดเด่นในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวในระดับชั้นเซลล์ ทำให้ริ้วรอย และร่องพับดูตื้นขึ้นได้ ในขณะที่ฟิลเลอร์จะโดดเด่นในเรื่องของการเติมเต็ม

2. ระยะเวลาการสลาย การเข้ารับบริการโปรแกรมเรเดียส 1 ครั้งจะอยู่ได้นานสุด 1 ปี ในขณะที่ฟิลเลอร์บางยี่ห้ออยู่ได้นาน 1-2 ปี

3. ผิวสัมผัส: ผิวสัมผัสของเรเดียสจะเป็นเนื้อเจล เหมาะกับการฉีดในร่องลึก และผิวที่ขาดวอลลุ่ม ส่วนฟิลเลอร์ จะมีหลากหลายเนื้อสัมผัสสามารถเลือกฉีดได้ตามความเหมาะสมในแต่ละจุดของใบหน้า

4. ผลลัพธ์ที่ได้: โปรแกรมเรเดียสเน้นช่วยกระตุ้นเซลล์ใต้ชั้นผิวตั้งแต่ระดับโครงสร้างในระยะยาว ทำให้ผิวแข็งแรง มีวอลลุ่ม และดูอ่อนเยาวน์ ในขณะที่ฟิลเลอร์จะเน้นการเติมเต็มในแต่ละจุดที่ฉีดเป็นหลัก

‘โปรแกรมเรเดียส’ เหมาะกับใคร?

1. คนที่มีปัญหาริ้วรอย ล่องลึก บริเวณใบหน้า
2. คนที่ต้องการปรับรูปหน้า ให้หน้าดูยกกระชับมากขึ้น
3. คนที่มีปัญหารอยดำ รอยแผลเป็น ร่อง หรือหลุมที่เกิดจากปัญหาผิว
4. คนที่มีปัญหาหน้าแห้ง ไม่ชุ่มชื้น
5. คนที่มีปัญหาความเหี่ยวย่นไปตั้งแต่บริเวณ คอ เนินอก ไปจนถึงหลังมือ

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดโปรแกรมเรเดียส?

1. บุคคลที่มีโรคเลือดออกง่าย
2. บุคคลที่แพ้ส่วนประกอบใดๆ ของผลิตภัณฑ์
3. บุคคลที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
4. บุคคลที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง หรือ Anaphylaxis

ควรรู้! : หากผู้เข้ารับบริการอยู่ในช่วงใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาจำพวกก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำการฉีดโปรแกรมเรเดียสได้ ดังนั้นจึงควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนเข้ารับบริการ

วิธีดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หลังเข้ารับบริการฉีดโปรแกรมเรเดียส อาจจะมีอาการแดง ช้ำ บวม คัน หรือกดเจ็บบริเวณที่ฉีดในคนไข้บางคน ซึ่งถือว่าเป็นอาการทั่วไป ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะหายไปเองในไม่กี่ชั่วโมง หรือ 2-3 และสำหรับคนที่เกิดการฟกช้ำง่ายอาการข้างต้นอาจใช้เวลาถึง 14 วันถึงจะดีขึ้น แต่! หากมีอาการบวมมากผิดปกติ มีอาการแสบร้อนบริเวณที่ฉีด แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างทันถ่วงที และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องดูแลตัวเองยังไง ไปดูกัน!

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด เนื่องจากอาจทำให้ติดเชื้อได้
2. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ อยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูง และหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
3. หากมีอาการบวมมาก แนะนำให้ประคบเย็น แทนประคบร้อน
4. หากมีอาการปวดร่วมด้วย ให้ทานพาราเซตามอล
5. หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มแอสไพริน หรือ NSAID เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน
6. งดสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 2 สัปดาห์
7. ดื่มน้ำ และพักผ่อนให้เพียงพอ
8. หากมีอาการสีผิวซีดลงในบริเวณที่ฉีด ให้ปรึกษาแพทย์ทันที

 

คำถามที่พบบ่อย

1. โปรแกรมเรเดียสสามารถฉีดร่วมกับฟิลเลอร์ได้มั้ย?

สามารถทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ได้ และเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก เพราะฉีดฟิลเลอร์เป็นการช่วยยกพยุง
ในขณะเดียวกันโปรแกรมเรเดียสก็จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวทำให้เกิดผลดีในระยะยาว

2. โปรแกรมเรเดียส สามารถฉีดคู่กับโบท็อกซ์ได้มั้ย?

สามารถฉีดคู่กับโบท็อกซ์ได้ เพราะโปรแกรมเรเดียสเป็นการฉีดลงไปที่ชั้นผิวหนังแท้ ในขณะที่การฉีดโบท็อกซ์เป็นการฉีดในชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่อันตรายต่อกัน

3. หลังรับบริการโปรแกรมเรเดียส สามารถทำร่วมกับเครื่องยกกระชับได้มั้ย?

สามารถทำร่วมกันได้ แต่แนะนำให้ทำก่อนเข้ารับบริการโปรแกรมเรเดียสเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

4. ต้องทดสอบการแพ้ก่อนเข้ารับบริการโปรแกรมเรเดียสหรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องทดสอบอาการแพ้ก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจากส่วนประกอบในโปรแกรมเรเดียสเป็นสารที่พบได้ทั่วไปตามร่างกาย ไม่ใช่สารแปลกปลอม เมื่อเข้าสู่ร่างกายจึงไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นภูมิในร่างกายให้ต่อต้านนั้นเอง

5. รอยแดง และอาการคันในบริเวณที่ฉีดเป็นอาการปกติหรือไม่?

รอยแดง และอาการคันในบริเวณที่ฉีดนับเป็นอาการปกติหลังรับบริการ โดยอาการเหล่านี้มักจะหายไปเอง แต่ถ้าหากมีอาการบวมแดง หรือแสบคันผิดปกติ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์โดยตรง

 

สรุป

‘โปรแกรมเรเดียส’ (RADIESSE) คือการฉีด CaHa สารกระตุ้นคอลลาเจนชนิดพิเศษ ที่จะช่วยเข้าไปกระตุ้นเส้นในใต้ชั้นผิว พร้อมฟื้นฟูลึกถึง 5 องค์ประกอบสำคัญในระยะยาว หลังฉีดเสร็จผู้เข้ารับบริการจะเห็นได้เลยว่าผิวจะมีวอลลุ่ม และดูยืดหยุ่นขึ้น ริ้วรอย และร่องลึกจะตื้นลง โดยผลลัพธ์หลังการฉีดเรเดียส 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้ถึง 1 ปี และจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้นใครที่กำลังมีปัญหาผิวอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยบนใบหน้า ร่องน้ำหมาก หลุมสิว ผิวเหี่ยวย่น บริเวณคอ เนินอก หลังมือ หรือมีรอยแผลเป็นตามจุดต่างๆ โปรแกรมเรเดียส จึงเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่คุ้มค่า และเป็นที่ยอมรับเป็นการแก้ไขปัญหาผิวที่ตรงจุด และเห็นผลจริง