ไล่ “ รอยแตกลาย ” ออกจากชีวิต

ผิวแตกลาย หรือ รอยแตกลาย (ทางการแพทย์เรียกว่า Stretch Mark หรือ Striae) ร่องรอยที่ไม่อาจลีกเลี่ยงของใครหลายๆคน เกิดจากการยืด-ขยายอย่างรวดเร็วของผิวหนังและเนื้อเยื่อ เช่น จากการตั้งครรภ์ นํ้าหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้โครงสร้างคอลลาเจนถูกทำลาย จนเกิดรอยแตกลายบริเวณต่างๆ ซึ่งผิวแตกลายนั้น มักจะเกิดขึ้นที่ผิวหนังชั้นกลาง และเกิดในบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก เช่น บริเวณหน้าท้อง หน้าอก เต้านม สะดือ ต้นแขน ต้นขา สะโพก รักแร้ และน่อง
คนส่วนมาก จะเจอปัญหานี้ตอนเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น เพราะเป็นวัยกำลังเจริญเติบโต หรือเกิดจากการมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วจนผิวหนังขยายตามไม่ทัน และปัญหาผิวแตกลายในสตรีตั้งครรภ์มากถึง 90% เพราะครรภ์โตจนทำให้หน้าท้องและขาอ่อนแตกลาย
อาการเริ่มแรกของผิวแตกลาย คือ ผิวหนังจะเกิดรอยเป็นเส้นสีแดงหรือม่วง (ระยะแรก) และจะมีสีอ่อนลงเรื่อย ๆ จนเป็นสีขาวขุ่น (ระยะหลัง) การรักษาในระยะแรกถ้าทาครีมเป็นประจำ รอยแตกลายก็อาจจะหายได้ทัน

โดยรอยแตกลายจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆดังนี้

Striae distensae มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานจากการยืด
Striae atrophicans มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานโดยมีอาการผิวฝ่อ
Striae rubra มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานสีแดง
Striae alba มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานสีขาว

วิธีการดูแลผิวแตกลาย

• • การดูแลตัวเองที่บ้านที่สามารถทำได้เอง
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ : นอกจากจะช่วยทำให้รูปร่างดีและผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดความสมดุลและช่วยลดการเกิดปัญหาผิวแตกลายได้
• พยายามไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว : โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างวัยรุ่น ผู้ออกกำลัง และหญิงตั้งครรภ์
• ทาครีมบำรุง หรือครีมลดรอยแตกลายเป็นประจำ : เน้นการทาครีมบำรุงที่มีความเข้มข้นสูงในบริเวณผิวแตกลายทุกวันเป็นประจำก่อนนอนและในตอนเช้า หรือทาทุกครั้งหลังอาบน้ำ และอย่าปล่อยให้บริเวณที่ผิวแตกลายแห้งเป็นอันขาด เพราะมันอาจจะลุกลามกว้างขึ้นได้
• น้ำมันงา : นำมาทาผิวบริเวณที่เป็นรอยแตก โดยให้ชโลมทาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
• ว่านหางจระเข้ : นำมาทาบริเวณผิวแตกลายเป็นประจำ ช่วยทำให้รอยแตกลายนั้นค่อย ๆ ดูจางลงได้
• ขัดหรือสครับผิว : ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปและกระตุ้นเซลล์ผิวหนังใหม่ให้ขึ้นมาทดแทนผิว โดยแนะนำให้ทำเพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ 
• ยาทาแก้ผิวแตกลาย : เป็นยาทาในกลุ่มอนุพันธ์กรดวิตามินเอ ที่แนะนำคือ เรตินเอ (Retin A) ให้เลือกใช้ความเข้มข้น 0.025% หรือ 0.05% หลังจากอาบน้ำเสร็จให้ขัดหรือสครับผิวก่อน แล้วเช็ดตัวให้แห้ง รอให้แห้งสนิทสักประมาณ 10 นาที นำมาทาบริเวณผิวที่เป็นรอยแตก แบบไม่ต้องลงครีมบำรุงหรือโลชั่น โดยให้ทำเฉพาะก่อนเข้านอนและทำวันเว้นวัน
• การใช้การรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้

• รักษาด้วยทรีตเมนต์ : แบ่งออกเป็น การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion) / การผลัดเซลล์ด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peel) (ให้ผลการรักษาประมาณ 10-20%) / การรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (ให้ผลการรักษาประมาณ 20-40%) 
• รักษาด้วยวิธี Mesotherapy : ใช้เข็มส่งตัวยาที่ช่วยกระตุ้นการสมานรอยแตกลายของผิว รอยแตกจะลดจางลง
• รักษาด้วยวิธี Dermaroller : ช่วยทำลายพังผืดที่หลุมบนผิวหรือรอยที่เป็นปัญหา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง และโดยมากแล้วจะนำมาใช้ควบคู่ไปกับตัวยาหรือเซรั่มบำรุงผิว แต่ต้องทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน 5-6 ครั้ง จึงจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลง
• เลเซอร์รอยแตกลาย : เป็นวิธีรักษาที่สามารถทำให้ปัญหาหายไปอย่างรวดเร็ว แบ่งออกเป็น เลเซอร์แบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับสีรอยแตกลายให้ใกล้เคียงกับสีผิวปกติ / เลเซอร์สร้างผิวใหม่ / เลเซอร์แบบรักษารอยแดงหรือรักษาความผิดปกติของเส้นเลือด ซึ่งการรักษาด้วยเลเซอร์ สามารถรักษาได้ทั้งรอยแตกลายในระยะแรก-ระยะหลัง และการรักษาด้วยวิธีนี้จะได้ผลประมาณ 40-60%
• รักษาด้วยวิธี Intensed Pulsed Light – IPL : เทคนิคการใช้แสงความเข้มสูง นำมายิงบริเวณผิวที่เป็นรอยแตก แต่วิธีนี้จะได้ผลดีกับรอยแตกในระยะแรกที่มีสี และต้องทำอย่างน้อย 5 ครั้ง (ห่างกันครั้งละ 2 สัปดาห์) ให้ผลรอยแตกลายจางลงประมาณ 30-50% ขึ้นอยู่กับระยะของรอยแตกที่เป็น
• รักษาด้วยวิธีการ Carboxytherapy : การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวทำให้ผิวตึงกระชับขึ้น และยังช่วยสลายเซลล์ไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ต้องการได้อีกด้วย โดยอาศัยเทคนิคการฉีดก๊าซที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเป็นการฉีดตื้น ๆ เข้าไปเพียงชั้นหนังแท้ตามแนวร่องแตกลายผิวหนัง แต่การรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องทำอย่างน้อย 3-5 ครั้ง ติดต่อกันทุก ๆ 1 สัปดาห์ ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ผลประมาณ 30-60% หรืออาจจะไม่ได้ผลเลยในบางราย

*การรักษารอยแตกลายไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องใช้เวลาและความอดทนในการรักษาและฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาเรียบ เนียนดังเดิม*

PICOWAY

นวัตกรรมเลเซอร์ระบบใหม่ล่าสุดของโลกที่มีฟังก์ชั่นหลากหลาย สามารถแก้ปัญหาผิวได้มากมายและตรงจุดภายในเครื่องเดียว ที่สำคัญ ยังให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด สามารถจัดการเม็ดสีให้แตกตัวได้ดีที่สุด
PICOWAY Laser จึงนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของ วงการเลเซอร์ผิวหนังเพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องกำจัดเม็ดสีแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ โดยไม่เกิดการสะสมพลังงานความร้อน จึงไม่กระทบผิวข้างเคียง และใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่าเครื่องเลเซอร์รุ่นเดิม อีกทั้งยังปลอดภัย และได้มาตรฐาน

หลักการทำงานของเครื่อง PicoWay ดีกว่าอย่างไร ?

พลังงานแสงเลเซอร์ที่มีความถี่สูงถึงระดับ Picosecond
ทำให้ผิวเรียบ เนียน และสีผิวกลับมาใกล้เคียงพื้นสีเดิมที่สุด
ช่วยผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว
เห็นผลไว ใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อยกว่าเครื่องเลเซอร์อื่นๆ
สรุปง่ายๆ : PicoWay คืออะไร ?
• PicoWay Laser (Candela, USA) คือ นวัตกรรมเลเซอร์จากสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์และกำจัดรอยดำ โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า picosecond laser
• PicoWay ได้รับการยอมรับจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง “Dermatologist” และเป็นแบรนด์ที่ได้รับรางวัล “ The World’s Best Picosecond Laser ”   จากการเปรียบเทียบกับ pico laser หลากหลายเครื่องทั่วโลก
• เครื่องเลเซอร์ PicoWay มาพร้อมกับเทคโนโลยี Picosecond laser ในการกำจัดเม็ดสีส่วนเกินออกไปจากผิว โดย Picosecond laser จะปล่อยออกมาทำงานในระยะเวลาที่สั้นมากๆ
• 1 Picosecond เท่ากับ 1 ในล้านล้านวินาที และถ้าเทียบกับเลเซอร์ Q – Switched ที่มีมาก่อนหน้านั้น Picosecond มีความเร็วกว่าเลเซอร์ Q – Switched หรือ Nanosecond ถึง 1,000 เท่า
• PicoWay สามารถส่งเลเซอร์ลงไปยังชั้นผิวหนังแท้ได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ทำให้เห็นผลไว และมีประสิทธิภาพในการรักษาสูง อีกทั้งยังไม่มีข้อจำกัดเรื่องสีผิวสำหรับผู้เข้ารับบริการ (เลเซอร์บางชนิดไม่เหมาะกับคนผิวคล้ำเพราะทำให้ผิวไหม้ได้)
• แม้เครื่องจะมีพลังงานความร้อน แต่ความร้อนจะไม่สะสมบนผิวจึงไม่เสี่ยงให้เกิดการผิวไหม้
• หลังทำ ไม่มีแผลตกสะเก็ด ไม่ต้องพักฟื้น และเจ็บน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องเลเซอร์รุ่นอื่นๆ รวมทั้งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการรักษาด้วยเลเซอร์รุ่นเดิมๆ
• PicoWay ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) ใต้ชั้นผิว ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เนื้อเยื่อบริเวณรอยแผลเป็นให้เรียบเนียน ช่วยให้ผิวแข็งแรง เปล่งปลั่ง สดใส และดูอ่อนเยาว์ลง
• จากการศึกษา พบว่าการใช้เลเซอร์ระดับ Picosecond นี้ จะสามารถทำให้เม็ดสีหรือหมึกรอยสัก แตกตัวได้มาก จนกลายเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากๆ (miniscule particles) ซึ่งต่างจากรุ่นเดิมที่เป็น QSW หรือ nanosecond ที่พบการแตกตัวน้อยกว่าและมีขนาดใหญ่กว่า
• เมื่อเม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กมากๆ จึงถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผลการรักษาเรื่องลบรอยสักและเม็ดสี ได้ผลดีขึ้นและใช้จำนวนครั้งน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีเดิม
• มีประโยชน์ในการนำมาใช้ในแผนกผิวหนัง เพื่อแก้ไขความผิดปกติของเม็ดสีที่มากเกินไป (Hyperpigmentation) เช่น ฝ้า กระ ปาน รอยดำต่างๆ รวมถึงการลบรอยสัก

PicoWay รักษาอะไรได้บ้าง ?

การทำงานของ PicoWay แบ่งเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ
1 PicoWay Pigment / PicoWay Tattoo / Picotoning (สามารถใส่ลิงค์ไปบทความลบรอยสักได้นะคะ)
2 PicoWay RESOLVE / Fractional PicoWay
• คือการปล่อยแสง picosecond ออกมาเป็นจุดๆ ในพื้นที 6×6 ตร.มม. มี 100 จุด
• สำหรับ PicoWay Resolve จะใช้เทคโนโลยีพิเศษ Holographic Fractional Handpiece ทำให้ได้จุดเลเซอร์ที่แม่นยำ และมีพลังงานที่สม่ำเสมอในทุกๆจุด
• ในแต่ละจุดเล็กๆนั้น เมื่อนำไปส่องดูด้วยกล้องขยาย จะเห็นว่ามีช่องว่างเล็กๆเกิดขึ้น ในชั้นผิวหนังแท้ (dermis) เรียกว่า Laser-induced Cavity (LIC) ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นเรื่องเฉพาะ เกิดได้จาก PicoWay เท่านั้น เครื่องอื่นจะไม่เกิด LIC ในชั้นผิวหนังแท้ มีแต่ช่องว่างในชั้นผิวกำพร้า (epidermis) เท่านั้น
• จากการศึกษาที่1เดือน พบว่าในชั้นผิวหนังแท้ มีเส้นใยคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างมาแทนที่
• พบว่าการรักษาด้วย PicoWay Resolve ได้ผลดีมาก มีประโยชน์มาก ในการแก้ไขปัญหาผิวที่ไม่เรียบ (Skin Irregularities) หรือ ผิวที่เสื่อมจากอายุและแสงแดด เช่น แก้ไขรูขุมขนกว้าง ผิวที่หยาบกร้าน มีริ้วรอย หลุมสิว แผลเป็น และรอยแตกลาย

ขั้นตอนการรักษาด้วย PicoWay และอาการที่อาจจะเกิดขึ้นหลังทำ

1.ทำความสะอาดผิว และในบางการรักษาอาจใช้การทายาชา 30-60 นาที ร่วมด้วย
2.เมื่อทำ Picoway จะมีความรู้สึก เหมือนมีอะไรแหลมๆทิ่มลงบนผิวเล็กน้อย
3.ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ขึ้นกับรายละเอียดโปรแกรมของแต่ละเคส
4.หลังทำเลเซอร์เสร็จ จะแพ็คเย็นต่ออีกระยะหนึ่ง ตามอาการ
5.ในบางรายจะมีอาการ ผิวแดงได้ 2-5 วัน ผิวบวม 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคน และรายละเอียดของการทำการรักษาในแต่ละเคส

ราคาพิเศษ !!! เฉพาะที่กังนัมคลินิกเท่านั้น

การดูแลรักษาหลังเข้ารับบริการโปรแกรม PicoWay

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ออนนี่แนะนำให้ลูกค้าผู้เข้ารับบริการทุกท่านดูแลตนเอง ดังนี้
• ประคบเย็นบ่อยๆ ในวันแรก
• ทาครีมลดอาการแดงหนาๆ บ่อยๆ และทาครีมที่ชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษ
• บำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และห้ามใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง หรือสารจำพวกกรดอ่อน
• ไม่ควรออกแดด หรือโดนแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากจำเป็นต้องออกที่แจ้งให้ป้องกันตัวเองจากแสงแดดด้วยการสวมแว่นตากันแดด สวมหมวก สวมเสื้อแขนยาว หรือกางร่ม เป็นต้น
• ทาครีมกันแดดที่ป้องกัน UVA และ UVB มีค่า SPF 40-50 เป็นประจำ หากมีกิจกรรมกลางแจ้ง แดดจัด แนะนำให้ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง
• รับประทานอาหารที่มีคอลลาเจน หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคอลลาเจนเพื่อช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
• กรณีมีตุ่มคัน (เกิดได้ในบางคน) ทานยาแก้แพ้ลดคันได้ ถ้าเป็นมากกรุณาปรึกษาแพทย์
• งดดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจน
• ระมัดระวังการใช้ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมน

***สำหรับจำนวนครั้งในการเข้ารับการรักษาเริ่มต้นตั้งแต่ 3 ครั้ง หรือ 5 ครั้งขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของลูกค้านะคะ