ปัญหารอยใต้ตาคล้ำ เกิดจากอะไร?

ใต้ตาคล้ำเกิดจากอะไร รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง? - กังนัมคลินิก

ออนนี่เข้าใจดี ว่าปัญหาขอบตาดำอาจสร้างความกังวลใจให้กับสาว ๆ แต่ใช่ว่าปัญหานี้จะแก้ไขไม่ได้ แต่ก่อนที่เราจะไปรู้ถึงวิธีการดูแลเรื่องความหมองคล้ำใต้ดวงตา เราลองไปรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาคล้ำ ว่าเกิดจากอะไรกันก่อนดีกว่า

  • พันธุกรรม: ใครว่าพันธุกรรมไม่มีผล ออนนี่ขอบอกเลยว่าไม่จริง! ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมจากคนในครอบครัว รวมทั้งปัจจัยอย่างเชื้อชาติ และสีผิว ก็อาจทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีบริเวณใต้ตาที่ต่างกัน
  • โรคและอาการเจ็บป่วย: โรคประจำตัว หรืออาการภูมิแพ้ ที่ทำให้คุณรู้สึกเคืองตา แล้วเผลอไปขยี้ตา ก็อาจเป็นสาเหตุหลักของการทำให้เกิดรอยหมองคล้ำใต้ดวงตาได้เช่นกัน รวมถึงอาการคันจมูก ที่อาจทำให้เส้นเลือดบริเวณดวงตาและจมูกบวมขึ้น และส่งผลทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาคล้ำลง
  • อายุ: เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ผิวหนังบริเวณใต้ดวงตาอาจเกิดความหย่อนคล้อยได้ง่าย และยิ่งทำให้เกิดความคล้ำบริเวณขอบตาชัดเจนมากขึ้น
  • ความเครียด: หนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนที่เครียดง่าย หรือเครียดสะสมอยู่บ่อย ๆ ออนนี่ขอแนะนำว่า ถ้าหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียดได้ก็ควรทำอย่างมาก เพราะความเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาในลำดับต้น ๆ เลยค่ะ
  • การนอกดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ: ยิ่งคุณนอนดึก หรือนอนน้อยมากแค่ไหน อาจส่งผลให้ผิวของคุณดูซีดจางลง แถมยังทำให้ดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้น จนเกิดรอยหมองคล้ำได้ชัดเจน
  • แสงแดด: เพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบนอนอาบแดด หรือปะทะแสงแดดจ้า ๆ อยู่บ่อย ๆ ออนนี่เตือนไว้ก่อนเลยว่า แสงแดดอาจกระตุ้นทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนังจนทำให้บริเวณขอบตาดำได้ด้วย
  • การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: นักดื่มทั้งหลายอาจต้องระวังกันสักหน่อย รวมทั้งการสูบบุหรี่เป็นประจำด้วยเช่นกัน เพราะอาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนทำให้เกิดเป็นรอยคล้ำขึ้นมานั่นเองค่ะ
  • ภาวะขาดน้ำ: หากร่างกายของคุณขาดน้ำ หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้เซลล์ผิวเกิดความหมองคล้ำ และดูไม่กระจ่างใสได้

ลดรอยคล้ำใต้ตา เลือกวิธีไหนดี?

1. รักษาโรคและอาการเจ็บป่วยต่างๆ

สาเหตุของปัญหาใต้ตาหมองคล้ำอาจเกิดจากโรคประจำตัวของคุณ หรืออาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ หรือ โรคหวัด

2. ทาครีมบำรุงใต้ตา

ในปัจจุบันมีครีมบำรุง หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับรักษารอยหมองคล้ำใต้ดวงตาจำนวนมากให้ได้เลือกใช้ ออนนี่ขอแนะนำให้เพื่อน ๆ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินเอ, วิตามินอี หรือ วิตามินซี เช่น เซรั่มบำรุงผิวหนังใต้ตาต่าง ๆ เพื่อที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดรอยคล้ำรอบดวงตาได้

3. เลเซอร์ใต้ตาคล้ำ

การทำเลเซอร์ใต้ตาจะช่วยเรียกความกระชับกลับคืนมาให้ผิวบริเวณนี้ได้ โดยเป็นการกำจัดผิวหนังส่วนเกินของถุงใต้ตา พร้อมกับทำลายเม็ดสีบริเวณใต้ดวงตาที่เป็นรอยคล้ำ โดยการรักษาด้วยวิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีมาก แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นเดียวกัน

4. ฉีดฟีลเลอร์ใต้ตา

ใต้ตาคล้ำเกิดจากอะไร รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง? - กังนัมคลินิก

อีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยรักษารอยหมองล้ำใต้ดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นก็คือการฉีดฟีลเลอร์ใต้ตานั่นเองค่ะ ซึ่งจะเป็นการฉีดคอลลาเจน HA หรือ Hyaluronic Acid เข้าไปช่วยเติมเต็มริ้วรอยใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น ให้กลับมามีความชุ่มชื้น และช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวบริเวณนั้น เรียกว่าบอกลาทั้ง “ถุงใต้ตา” และ “ความหมองคล้ำของใต้ตา” ไปได้เลย แต่การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายังสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้ค่ะ

  • แบบชั่วคราว (Temporary Filler) ให้ผลลัพธ์อยู่ที่ประมาณ 4-6 เดือน โดยเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เพื่อน ๆ คนไหนที่ต้องการรักษาอาการรอยคล้ำใต้ดวงตา ที่มีรอยคล้ำไม่เยอะมากนัก ออนนี่ขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้
  • แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent Filler) เป็นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ให้ผลลัพธ์นานกว่าแบบชั่วคราว อยู่ที่ประมาณ 1-2 ปี แต่มีความปลอดภัยในระยะปานกลาง
  • แบบถาวร (Permanent Filler) สารที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์แบบถาวรนี้ จะเป็นการใช้ซิลิโคนเหลว หรือน้ำมันพาราฟิน ซึ่งสารพวกนี้จะไม่สามารถสลายเองได้ หากเพื่อน ๆ คนไหนสนใจวิธีการฉีดฟีลเลอร์ประเภทนี้ ออนนี่ขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ในอนาคตได้

หากใครกำลังมองหาคลินิกเพื่อฉีดฟีลเลอร์ใต้ตาในราคาคุ้มค่า แถมยังให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย ต้องที่กังนัมคลินิกเลยค่ะ เพราะเราคือคลินิกความงามมาตรฐานเดียวกันกับประเทศเกาหลี ที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำก่อนเข้ารับบริการทุกเคส สามารถติดต่อนัดหมายหรือปรึกษาทุกข้อสงสัยด้านเสริมความงามกับออนนี่ได้เลยที่ โทร. 090-665-3616, 098-269-7450 Email: gangnamclinicthailand@gmail.com และ Line Official: @gangnamclinic (มี @ ด้วยนะ)

Leave a Reply