หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญบนใบหน้า ที่นอกจากจะแสดงถึงความสวยงามแล้ว ยังบ่งบอกถึงการดูแลตัวเองและการมีสุขภาพที่ดีด้วย ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นบริเวณ “รอบดวงตา” ที่ดูเป็นประกายและมีความเต่งตึงทำให้ดูอ่อนวัย แต่สำหรับใครที่มีถุงใต้ตาเป็นก้อน หรือถุงใต้ตาหย่อนคล้อยและมีความหมองคล้ำ จนทำให้ใบหน้าไม่สดใสและดูแก่กว่าวัย คงอยากจะหาทางแก้ไขเพื่อให้ความสดใสดูอ่อนเยาว์กลับคืนมา
ในปัจจุบันมีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น “การผ่าตัดถุงใต้ตา” หรือ “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา” แต่วิธีไหนจะตอบโจทย์และเหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด ออนนี่มีข้อมูลดี ๆ มาบอกต่อค่ะ
บอกลาถุงใต้ตาหย่อนคล้อยด้วย ‘การผ่าตัดถุงใต้ตา’
มาเริ่มกันที่การรักษาวิธีแรก อย่างการผ่าตัดถุงใต้ตา (Eyes Bag Surgery หรือ Lower Blepharoplasty) ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นการรักษาโดยการผ่าตัดนำชิ้นเนื้อ หรือถุงไขมันบริเวณใต้ตาบางส่วนออก โดยแพทย์จะทำการกรีดแผลเล็ก ๆ ด้านในเปลือกตา เพื่อไม่ให้เห็นแผลจากภายนอก
จุดเด่นของการผ่าตัดถุงใต้ตา
- เป็นการทำหัตถการที่เห็นผลได้ชัดเจนทันทีหลังทำ
- อยู่ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องกลับมาทำซ้ำอีกครั้ง
- ช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
การผ่าตัดถุงใต้ตาเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ มีก้อนเนื้อใต้ตาจำนวนมาก
- ผู้ที่มีถุงใต้ตา 2 ข้างไม่เท่ากัน
- ผู้ที่มีถุงใต้ตาคล้ำเป็นวง
- ผู้ที่ขอบตาล่างหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
เตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ก่อนทำ-ระหว่างทำ-หลังการผ่าตัด
- ก่อนการผ่าตัด
- งดยาบางประเภทล่วงหน้า 2-4 สัปดาห์ เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ แอสไพริน ฯลฯ
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- แจ้งประวัติการผ่าตัด การทำศัลยกรรม โรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
- เตรียมแว่นตามาในวันผ่าตัด สำหรับใส่ป้องกันสิ่งสกปรกที่อาจเข้ามาในดวงตาหลังการผ่าตัด
- ลางานล่วงหน้า 1-2 วัน เพื่อพักฟื้น
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ระหว่างการผ่าตัด
- แพทย์จะให้นั่งตัวตรง และใช้ดินสอในการทำเครื่องหมายบริเวณตำแหน่งใต้ตาที่ต้องการผ่าตัด
- แพทย์ทำการให้ยาชาและยานอนหลับ เพื่อลดความรู้สึกตื่นกลัวและความรู้สึกเจ็บระหว่างผ่าตัด
- แพทย์จะเริ่มกรีดเปิดผิวหนังใต้ตาด้านใน แล้วตัดไขมันบริเวณถุงใต้ตาออก
- ทำการเย็บปิดแผล
- หลังการผ่าตัด
- นอนศีรษะสูงในช่วง 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม การอักเสบ และช่วยให้แผลยุบได้เร็วขึ้น
- หมั่นประคบเย็นบริเวณรอบดวงตา
- ห้ามให้แผลโดนน้ำ 3 วัน
- หากมีสะเก็ดเลือด ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นเท่านั้น
- หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด และหน้าจอคอม
- งดกิจกรรมที่ใช้สายตามาก เช่น เล่นมือถือ ดูโทรศัพท์ ใช้คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
- งดใช้เครื่องสำอางบริเวณใต้ดวงตา
- งดอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารปิ้งย่าง อาหารทะเล ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการผ่าตัดถุงใต้ตา
หลังการผ่าตัด อาจเกิดอาการบวมแดง แผลระบม หรือแผลอักเสบได้ แต่หากสังเกตว่าเริ่มมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น แผลหายช้า มีเลือดออกบริเวณแผล ฯลฯ ออนนี่แนะนำว่าให้รีบไปปรึกษาแพทย์โดยทันทีค่ะ
บอกลาถุงใต้ตาหย่อนคล้อยด้วย ‘การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา’
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร?
“Eye Filler” หรือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เรียกได้ว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหาถุงใต้ตาที่ตรงจุดและได้รับความนิยมอีกวิธีหนึ่ง โดยเป็นการเติมสารธรรมชาติ อย่างกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) เข้าไปยังบริเวณใต้ตาที่มีริ้วรอย โดยฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้มากกว่าเดิม และช่วยเติมร่องลึกให้ตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
จุดเด่นของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
- ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
- ให้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาถุงใต้ตา ขอบตาดำ เบ้าตาลึก และริ้วรอยใต้ดวงตาที่เห็นผล
- เป็นการรักษาที่เจ็บน้อย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- อยู่ได้นาน 6-24 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละคนด้วย
- สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เกิดสารตกค้างในร่างกาย
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาจากลักษณะทางพันธุกรรม
- ผู้ที่ไม่อยากเจ็บตัว ไม่ต้องการผ่าตัด หรือไม่อยากลางาน
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับบางจุดบนใบหน้า เพิ่มความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
เตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ก่อนทำ-ระหว่างทำ และหลังการฉีดฟิลเลอร์
- ก่อนการฉีดฟิลเลอร์
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนการรักษา
- งดยาบางประเภทล่วงหน้า เช่น ยาแก้ปวด แอสไพริน อาหารเสริม ฯลฯ
- ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์
- ให้ผู้เข้ารับบริการล้างเครื่องสำอางออกทั้งหมด และล้างหน้าให้สะอาด
- แพทย์จะทำการวาดจุดในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- แพทย์จะทายาชาบริเวณใต้ตา
- แพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในบริเวณจุดที่วางไว้
- หลังการฉีดฟิลเลอร์
- ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้
ดื่มน้ำให้มาก ๆ - หมั่นประคบเย็นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อลดอาการบวม
- หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน การสัมผัสความร้อน เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ละลายได้
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดการทำหัตถการอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรม การเลเซอร์หน้า ในช่วง 1 เดือนแรก
- ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ส่วนใหญ่แล้ว หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ผู้เข้ารับการรักษาบางรายอาจมีอาการบวมแดง ช้ำ หรือคันบริเวณใต้ตาในจุดนั้น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติค่ะ และอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 2-3 วัน โดยอาจจะประคบเย็นช่วย ดื่มน้ำให้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกาบนใบหน้านั่นเองค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ กังนัมคลินิก ใส่ใจทุกขั้นตอนการรักษา ปลอดภัย เห็นผลไว
เพราะความมั่นใจ เราสร้างได้! ให้ กังนัมคลินิก ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาอย่างปลอดภัย ด้วยบริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจากสารสกัดธรรมชาติ ที่มาพร้อมเทคนิคพิเศษเฉพาะ มาตรฐานนำเข้า พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ให้คำปรึกษาก่อนเข้ารับบริการทุกเคส ใครสนใจสามารถทักเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับออนนี่ได้ที่ LINE: @gangnamclinic (มี @ ด้วยนะคะ)